ยกเลิกกรมธรรม์ อย่างไรให้ได้เงินคืน
น้องๆรู้รึยัง ว่าประกันชีวิตถ้าซื้อได้ ก็ “ยกเลิกได้” นะเออ!
ใครที่เคยโดนป้ายยา หน้ามืดซื้อประกันชีวิตไปแบบงงๆ แล้วมารู้ทีหลังว่าประกันตัวนี้ไม่เหมาะกับเรา หรือใครที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินจนแบกรับค่าเบี้ยไม่ไหวอีกต่อไป แทนที่จะหยุดจ่ายเบี้ยไปดื้อๆ แบบผิดสัญญา รู้ยังว่าน้องสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์ได้ โดยมีโอกาสได้รับค่าเบี้ยคืนด้วยนะ
แต่จะได้รับค่าเบี้ยคืนเท่าไหร่ ทำแบบไหนถึงจะคุ้ม มันมีวิธียกเลิกกรมธรรม์อยู่ 4 แบบ แบบไหนได้เงินคืนเท่าไหร่ ตามไปดูกับพี่เรนนี่กันเลยคร่าาา
1. ปิดกรมธรรม์ : แบบกรณียกเลิกกรมธรรม์ในช่วงระยะ Free Look ภายใน 15 วัน
การยกเลิกกรมธรรม์แบบนี้ หมายถึงการยกเลิกกรมธรรม์ที่ยังอยู่ในช่วงระยะเวลา Free Look หรือช่วงที่ผู้ถือกรมธรรม์สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้โดยไม่ถูกหักเงินใดๆ
การยกเลิกกรมธรรม์ในระยะ Free Look นี้ เป็นเงื่อนไขที่กำหนดโดย คปภ. ที่ถ้าน้องอยากขอยกเลิกประกัน จะต้องดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์ ถึงจะได้รับค่าเบี้ยประกันคืน 100% เต็มนะจ๊ะ
แต่การยกเลิกกรมธรรม์รูปแบบนี้ น้องต้องเสียค่าใช้จ่ายการยกเลิกประกัน ฉบับละ 500 บาท และค่าตรวจสุขภาพ (ถ้ามี) ส่วนการยกเลิกการทำประกันภัย น้องต้องส่งหนังสือแจ้งการยกเลิกทำประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยคืนทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงบริษัทประกันโดยตรงนะคะ
2. ปิดกรมธรรม์ : แบบกรณีขอคืนเงินกรมธรรม์แบบเวนคืนกรมธรรม์ ภายหลัง 15 วัน
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ทำประกันที่อาจส่งค่าเบี้ยไม่ไหว หรือต้องการใช้เงิน จึงอยากจะปิดกรมธรรม์ไปเลย ไม่ต้องคุ้มครองแล้ว และไม่ส่งเบี้ยประกันแล้ว การเวนคืนกรมธรรม์จะทำให้น้องได้รับเงินคืนแม้อาจจะไม่เต็มจำนวน แต่ก็จะมีวิธีคำนวณที่ทำให้น้องได้รับเงินสดคืนเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามปีที่ส่งเบี้ยประกัน
โดยน้องจะขอเวนคืนได้เมื่อกรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดเกิดขึ้นแล้ว และโดยทั่วไปแล้วมูลค่าเงินสดจะเกิดขึ้นในปีที่ 2 หรือปีที่ 3 เป็นต้นไปค่ะ
น้องสามารถคำนวณเงินทีจะได้รับคืนได้ด้วยสูตรคำนวณดังนี้:
เงินที่ได้รับคืน = (มูลค่าเวนคืน x เงินเอาประกัน) ÷ 1,000
3. การเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ
จากทั้ง 2 วิธียกเลิกกรมธรรม์ที่พี่เรนนี่ได้บอกไป จะเป็นการ “สิ้นสุดความคุ้มครอง” ไปในตัว แต่มันก็จะมีอีกหนึ่งวิธี สำหรับใครที่ไม่อยากส่งเบี้ยต่อ แต่ก็ยังอยากได้ความคุ้มครองต่ออ้ะ! มีจ้ะ ยังมีทางเป็นไปได้ ด้วยการเปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ” ที่ความคุ้มครองจะลดลงเท่ากับมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์นั่นเอง โดยมีเงื่อนไขดังนี้:
-
กรณีผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา บริษัทฯ จะจ่ายเงินครบสัญญา “ตามมูลค่าใช้เงินสำเร็จ” ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
-
กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตระหว่างสัญญา บริษัทฯ จะจ่ายผลประโยชน์ให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
-
จำนวนเงินเอาประกันภัยจะลดลงเท่ากับมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
-
ระยะเวลาความคุ้มครองเป็นไปตามสัญญาเดิม
-
หากมีหนี้สินคงค้างจากกรมธรรม์ บริษัทฯ จะดำเนินการหักหนี้สินออกจากเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ก่อนจะนำมาคำนวณเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะของกรมธรรม์ต่อไป
หรือถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ หากใช้วิธีนี้ น้องก็ไม่ต้องส่งเบี้ยประกันต่อ แต่ยังได้รับความคุ้มครองเป็นระยะเวลาเท่าเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุนประกันจะลดลงตามมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่กำหนดเอาไว้ในกรมธรรม์นั่นเอง
4. การแปลงเป็นการประกันภัยแบบขยายเวลา
วิธีนี้จะคล้ายๆกับวิธีที่ 3 โดยหากน้องไม่อยากชำระเบี้ยประกันภัยอีกต่อไป ก็ยังสามารถรับความคุ้มครองในจำนวนเงินเอาประกันภัยเท่าเดิมได้ แต่ระยะเวลาคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงแทน ซึ่งสามารถขยายความคุ้มครองต่อไปได้ตามที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ โดยมีเงื่อนไขต่างๆดังนี้:
-
จำนวนเงินเอาประกันภัยเท่าเดิม หากมีหนี้สินจากกรมธรรม์ทุนประกันภัยจะลดลง
-
กรณีผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาที่ขยาย กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับโดยไม่มีการจ่ายเงินผลประโยชน์ใดๆ แต่หากกรมธรรม์ยังมีเงินเหลืออยู่ บริษัทฯ จะจ่ายเงินครบกำหนดให้ตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ (ถ้ามี)
-
กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในช่วงของการขยายระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯ จะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยเท่าเดิมให้ผู้รับประโยชน์
-
ระยะเวลาคุ้มครองเป็นไปตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ได้มีการแปลงเป็นกรมธรรม์ขยายเวลา ซึ่งระบุไว้ในกรมธรรม์
-
หากมีหนี้สินคงค้างจากกรมธรรม์ บริษัทฯ จะดำเนินการหักหนี้สินออกจากเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ ก่อนจะนำมาคำนวณเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะของกรมธรรม์ต่อไป
เห็นแบบนี้ชาวเราก็ยิ้มเลยนะคะ ว่าการซื้อประกันชีวิตจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินตัวอีกต่อไป เพราะถ้าซื้อแล้วไม่ถูกใจ หรือมีเงินจ่ายเบี้ยไม่พอในภายหลัง ยังไงก็ขอยกเลิกกรมธรรม์หรือเปลี่ยนประเภทกรมธรรม์ได้ตามที่พี่เรนนี่ได้บอกวิธีไปข้างต้น แถมยังได้เงินคืนตามเงื่อนไขอีกด้วย
แต่ถ้าน้องยังไม่แน่ใจว่าประกันชีวิตตัวไหนถึงจะเหมาะอยู่ดี หรือยังงงๆกับเรื่องการยกเลิกประกัน
หากมีข้อสงสัยอะไรก็ทักมาหาพี่เรนนี่ได้ที่นี่เลย! คลิก