remove_red_eye1.9K Views

4 โรคยอดฮิต ตามติดพนักงานออฟฟิศ

โพสต์วันที่ 27/10/2020

“อายุยังไม่ขึ้นเลข 3 โต้รุ่งทำงานแค่นี้ชิลๆ ป่งป่วยอะไร ไม่มีร้อกกก” ไหนใครเคยคิดแบบนี้สารภาพมาซะดีๆ

ยกมือกันพึ่บพั่บ แหม่ หนุ่มสาวชาวออฟฟิศทั้งหลายคงต้องเคยผ่านช่วงเวลาโหมงานกันมาบ้างล่ะ เพราะพี่เรนนี่เองก็เคยค่ะ (จนถึงตอนนี้บางทีก็ยังห้ามตัวเองไม่ค่อยอยู่ เผลอกลับดึก ไม่ก็เอางานกลับมาทำอยู่เรื่อย)

แต่นี่ก็พยายามห้ามตัวเองอยู่นะ เพราะตั้งแต่ได้ข่าวว่าเพื่อนที่ออฟฟิศคนนึงป่วยจากการทำงานหนัก จนต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดกันยาวๆ ทั้งๆที่ตอนแรกก็คิดว่าแค่ปวดหลังธรรมดา เห็นสภาพเพื่อนที่โรงพยาบาลแบบนี้แล้วมันบาดใจมากค่ะ เราจะทำงานได้เงินเยอะๆ เพื่อเอาเงินส่วนใหญ่มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลนอนเดี้ยง ก็ไม่ใช่แล้วปะ

แบบนี้ พี่เรนนี่เลยอยากบอกใครที่กำลังโหมงานหนัก ให้เบาได้เบา ปรับอะไรได้ให้ปรับ ไม่งั้นอาจต้องเจอกับ 4 โรคยอดฮิตที่มักเกิดกับพนักงานออฟฟิศ แบบด้านล่างนี้:



1. ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

โรคออฟฟิศซินโดรมนี่ถือเป็นอาการเจ็บป่วยหลักๆของหนุ่มสาวออฟฟิศกันเลยก็ว่าได้ โดยจากสถิติของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “คนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม”  

ก็เป็นเศร้าสิ เพราะอาการเหล่านี้ก็เกิดจากพฤติกรรมการนั่งทำงานต่อเนื่องยาวนานในท่าทางเดิมซ้ำๆของเราทั้งนั้น หลีกเลี่ยงได้ยากอีก โดยถ้าน้องทำงานในท่าเดิมเป็นระยะเวลานานๆเข้า ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย จนนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด แขนขาอ่อนแรง ถ้ารุนแรงมากอาจทำให้กล้ามเนื้อหด ยึด ตึง ได้ แค่ฟังก็เจ็บแปลบแล้ว

อาการเบื้องต้น

  1. ปวดเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะปวดบริเวณ คอ บ่า ไหล่ สะบัก หลัง โดยจะปวดเป็นบริเวณกว้าง และปวดแบบล้าๆ

  2. อาจพบอาการของระบบประสาทอัตโนมัติร่วมด้วย เช่น ซ่า วูบ ขนลุก เหงื่อออก บริเวณที่มีอาการปวด

  3. มีอาการชาที่มือ แขน และอาการอ่อนแรง ที่เกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน

 การป้องกัน

  1. ปรับความสูงของโต๊ะ และเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และควรปรับจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
  2. ควรเปลี่ยนท่านั่ง หรือเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 1 ชั่วโมง
  3. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ



2. ไมเกรน

หลายคนที่ไม่เคยเป็นไมเกรนจะไม่เข้าใจความเจ็บปวดที่ต้องเจอ เพราะมันรุนแรงกว่าอาการปวดหัวธรรมดาหลายเท่า โดยเกิดจากระบบการทำงานของหลอดเลือดในสมองผิดปกติและมีการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินออกมา เมื่อเซโรโทนินอยู่ในระดับสูง หลอดเลือดจะเริ่มหดตัว ทำให้มีอาการตาพร่า เวียนศีรษะ เมื่อระดับเซโรโทนินลดต่ำลง หลอดเลือดจะขยายตัวออกและกดทับปลายประสาทรอบๆ ทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้น
อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในสมองซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ ก่อให้เกิดอาการปวดรุนแรง
ซึ่งแม้ว่าการทำงานหนักยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดไมเกรน แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยเสริมที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนขึ้นได้ ทั้งเรื่องความเครียดและสิ่งกระตุ้นเร้าต่างๆจากภายนอก


อาการเบื้องต้น

  1. ปวดหัวข้างเดียว และปวดแบบตุบๆ (คล้ายเส้นเลือดเต้น) เป็นระยะๆ
  2. อาจพบอาการคลื่นไส้ และอาเจียนร่วมด้วย

การป้องกัน

  1. สังเกต และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการปวดหัว
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนให้ตรงเวลาทุกวัน
  3. ถ้าหากเครียดกับงานมากจนเกินไป ควรหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด



3. โรคกระเพาะ

ใครงานติดพันจนทานข้าวไม่ตรงเวลาหรือลืมกินข้าว มากองตรงนี้ เพราะมีสิทธิ์ป่วยเป็นโรคกระเพาะ ที่เกิดจากการอักเสบที่เยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารถูกหลั่งออกมามากจนเกินไปนั่นเอง หากเป็นบ่อยครั้งจนเรื้อรัง อาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ต่อจากนี้ทานข้าวให้ตรงเวลากันดีกว่า งานรอได้แหละ


อาการเบื้องต้น

  1. ปวดกลางท้องช่วงบน ตั้งแต่ช่วงลิ้นปี่จนถึงบริเวณเหนือสะดือ
  2. ลักษณะการปวดจะปวดแบบแน่นๆ หรือปวดแบบแสบร้อน
  3. อาการปวดมักจะสัมพันธ์กับการทานอาหาร ซึ่งเมื่อทานอาหารเข้าไป อาจทำให้อาการปวดมากขึ้น หรือปวดน้อยลงได้

การป้องกัน  

  1. ทานอาหารให้ตรงเวลา และทานในปริมาณที่พอดี เพื่อให้การหลั่งของกรดในกระเพาะอาหารเป็นไปตามปกติ
  2. ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
  3. หลีกเลี่ยงอาหารประเภทอาหารรสจัด และอาหารทอด อาหารที่ทีกรด และไขมันสูง เพราะอาหารเหล่านี้อาจไปกระตุ้นให้กระเพาะระคายเคืองได้

 

4. ความดันโลหิตสูง 


เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่หนุ่มสาวออฟฟิศมักนึกไม่ถึง เพราะโรคนี้สาเหตุหนึ่งก็มาจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ได้เคลื่อนไหว การทานอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม มีกากใยน้อย เป็นโรคอ้วน การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นี่มันชีวิตชาวเราชัดๆ โรคความดันโลหิตสูงมักเริ่มออกอาการตอนอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยอาจจะเกิดจากปัจจัยไลฟ์สไตล์การทำงานข้างต้น หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ก็ได้ โดยถ้าคนในครอบครัวเป็นโรคนี้แบบไม่ทราบสาเหตุ จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่น ๆ ถึง 3 เท่า

 

อาการเบื้องต้น

ความดันโลหิตสูงอาจไม่มีอาการเลย หรืออาจจะส่งสัญญาณเตือนแบบเรามักไม่ได้สังเกต เช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย มีเลือดกำเดาไหล ใจสั่น มือชา และมักตรวจพบโดยบังเอิญ ร้ายที่สุดอาจนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดในสมองแตก จนเกิดอาการของโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น อัมพาต หรือมีภาวะหัวใจวาย

 

การป้องกัน

  1. ตรวจเช็คร่างกายและวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
  2. พยายามควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน
  3. ไม่รับประทานอาหารรสเค็มจัด
  4. รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ
  5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ
  7. ลดความเครียด ความวิตกกังวล ทำกิจกรรมที่รู้สึกผ่อนคลาย

อ่านแล้วก็นะ บางโรคหลายคนอาจจะรู้สึกว่า นี่เคยเป็นแล้วปะนะ แต่บางโรคก็น่ากลัวเกิ๊น คือถ้าน้องไม่ดูแลตัวเองให้ดี ก็ไม่รู้โรคเหล่านี้จะเกิดกับเราไหม เกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาการจะรุนแรงแค่ไหน โอยยย ขนลุก

สิ่งที่เราทำได้ก็คือการดูแลตัวเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญ การมีประกันสุขภาพติดไว้ก็ช่วยให้อุ่นใจไม่น้อย หากเกิดเป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาก้อนโตกันเนอะ ป่วยก็พักเถอะอย่าต้องมาเครียดเรื่องเงินค่ารักษาเพิ่มเลย ถ้าน้องสนใจซื้อประกันสุขภาพแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนดี พี่เรนนี่นำมารีวิวไว้ให้แล้ว คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรีวิวขั้นตอนการเลือกประกันสุขภาพได้เลยจ้า 

 

อ้างอิงจาก : https://www.bumrungrad.com/th/health-blog

 
เกี่ยวกับผู้เขียน
พี่เรนนี่
สาวโสดสุดเฉี่ยววัย 38 ปี ผู้เป็นตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง Work hard play harder จบปริญญาโทสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศ และทำงานสายประกันมานานจนใครๆก็ต่างยกให้พี่เรนนี่ เป็นกูเกิ้ลสำหรับประกันไปเลย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

#โรคยอดฮิต
#ออฟฟิศซินโดรม
#ไมเกรน
#โรคกระเพาะ
#ความดันโลหิตสูง
#โรคพนักงานออฟฟิศ
แนะนำสำหรับคุณ

ประกันที่ใกล้เคียง

เมืองไทยประกันชีวิต
แพ็คเสริมประกันกลุ่ม
ชื่อแผน: D Health Plus (มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ)

฿12,697

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.6 (0)
remove_red_eye14.4K Views
ค่าห้อง
จ่ายตามจริง
ผู้ป่วยใน
5,000,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ
50,000 บาท
คุ้มครองอุบัติเหตุแบบผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
เมืองไทยประกันชีวิต
แพ็คเสริมประกันกลุ่ม
ชื่อแผน: สุขภาพ Top-up

฿6,920

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.8 (0)
remove_red_eye4.6K Views
ค่าห้อง
4000 บาท/วัน
ผู้ป่วยใน
200,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายส่วนแรก
20,000 บาท/ครั้ง
คุ้มครองเสียชีวิต
50,000 บาท
ประกันโรคร้าย
ชื่อแผน: สมาร์ทออฟฟิศ

฿4,956

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.5 (0)
remove_red_eye5.7K Views
คุ้มครองออฟฟิศซินโดรม (ตามรายการโรค)
150,000 บาท/กรมธรรม์
คุ้มครองโรคร้าย
ซื้อเพิ่มได้
เมืองไทยประกันชีวิต
ประกันโรคร้าย
ชื่อแผน: Happy Lady

฿1,674

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.0 (0)
remove_red_eye2.8K Views
คุ้มครองโรคร้ายของผู้หญิง
200,000 บาท
ค่าผ่าตัด
60,000 บาท
การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนัง
200,000 บาท
คุ้มครองเสียชีวิต
100,000 บาท
Loading...
Loading...
Loading...
รอสักครู่