4 โรคยอดฮิต ตามติดพนักงานออฟฟิศ
“อายุยังไม่ขึ้นเลข 3 โต้รุ่งทำงานแค่นี้ชิลๆ ป่งป่วยอะไร ไม่มีร้อกกก” ไหนใครเคยคิดแบบนี้สารภาพมาซะดีๆ
ยกมือกันพึ่บพั่บ แหม่ หนุ่มสาวชาวออฟฟิศทั้งหลายคงต้องเคยผ่านช่วงเวลาโหมงานกันมาบ้างล่ะ เพราะพี่เรนนี่เองก็เคยค่ะ (จนถึงตอนนี้บางทีก็ยังห้ามตัวเองไม่ค่อยอยู่ เผลอกลับดึก ไม่ก็เอางานกลับมาทำอยู่เรื่อย)
แต่นี่ก็พยายามห้ามตัวเองอยู่นะ เพราะตั้งแต่ได้ข่าวว่าเพื่อนที่ออฟฟิศคนนึงป่วยจากการทำงานหนัก จนต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดกันยาวๆ ทั้งๆที่ตอนแรกก็คิดว่าแค่ปวดหลังธรรมดา เห็นสภาพเพื่อนที่โรงพยาบาลแบบนี้แล้วมันบาดใจมากค่ะ เราจะทำงานได้เงินเยอะๆ เพื่อเอาเงินส่วนใหญ่มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลนอนเดี้ยง ก็ไม่ใช่แล้วปะ
แบบนี้ พี่เรนนี่เลยอยากบอกใครที่กำลังโหมงานหนัก ให้เบาได้เบา ปรับอะไรได้ให้ปรับ ไม่งั้นอาจต้องเจอกับ 4 โรคยอดฮิตที่มักเกิดกับพนักงานออฟฟิศ แบบด้านล่างนี้:
1. ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
โรคออฟฟิศซินโดรมนี่ถือเป็นอาการเจ็บป่วยหลักๆของหนุ่มสาวออฟฟิศกันเลยก็ว่าได้ โดยจากสถิติของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “คนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม”
ก็เป็นเศร้าสิ เพราะอาการเหล่านี้ก็เกิดจากพฤติกรรมการนั่งทำงานต่อเนื่องยาวนานในท่าทางเดิมซ้ำๆของเราทั้งนั้น หลีกเลี่ยงได้ยากอีก โดยถ้าน้องทำงานในท่าเดิมเป็นระยะเวลานานๆเข้า ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย จนนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด แขนขาอ่อนแรง ถ้ารุนแรงมากอาจทำให้กล้ามเนื้อหด ยึด ตึง ได้ แค่ฟังก็เจ็บแปลบแล้ว
อาการเบื้องต้น
-
ปวดเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะปวดบริเวณ คอ บ่า ไหล่ สะบัก หลัง โดยจะปวดเป็นบริเวณกว้าง และปวดแบบล้าๆ
-
อาจพบอาการของระบบประสาทอัตโนมัติร่วมด้วย เช่น ซ่า วูบ ขนลุก เหงื่อออก บริเวณที่มีอาการปวด
-
มีอาการชาที่มือ แขน และอาการอ่อนแรง ที่เกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน
การป้องกัน
- ปรับความสูงของโต๊ะ และเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และควรปรับจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
- ควรเปลี่ยนท่านั่ง หรือเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 1 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
2. ไมเกรน
อาการเบื้องต้น
- ปวดหัวข้างเดียว และปวดแบบตุบๆ (คล้ายเส้นเลือดเต้น) เป็นระยะๆ
- อาจพบอาการคลื่นไส้ และอาเจียนร่วมด้วย
การป้องกัน
- สังเกต และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการปวดหัว
- พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนให้ตรงเวลาทุกวัน
- ถ้าหากเครียดกับงานมากจนเกินไป ควรหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด
3. โรคกระเพาะ
ใครงานติดพันจนทานข้าวไม่ตรงเวลาหรือลืมกินข้าว มากองตรงนี้ เพราะมีสิทธิ์ป่วยเป็นโรคกระเพาะ ที่เกิดจากการอักเสบที่เยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารถูกหลั่งออกมามากจนเกินไปนั่นเอง หากเป็นบ่อยครั้งจนเรื้อรัง อาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ต่อจากนี้ทานข้าวให้ตรงเวลากันดีกว่า งานรอได้แหละ
อาการเบื้องต้น
- ปวดกลางท้องช่วงบน ตั้งแต่ช่วงลิ้นปี่จนถึงบริเวณเหนือสะดือ
- ลักษณะการปวดจะปวดแบบแน่นๆ หรือปวดแบบแสบร้อน
- อาการปวดมักจะสัมพันธ์กับการทานอาหาร ซึ่งเมื่อทานอาหารเข้าไป อาจทำให้อาการปวดมากขึ้น หรือปวดน้อยลงได้
การป้องกัน
- ทานอาหารให้ตรงเวลา และทานในปริมาณที่พอดี เพื่อให้การหลั่งของกรดในกระเพาะอาหารเป็นไปตามปกติ
- ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทอาหารรสจัด และอาหารทอด อาหารที่ทีกรด และไขมันสูง เพราะอาหารเหล่านี้อาจไปกระตุ้นให้กระเพาะระคายเคืองได้
4. ความดันโลหิตสูง
เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่หนุ่มสาวออฟฟิศมักนึกไม่ถึง เพราะโรคนี้สาเหตุหนึ่งก็มาจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ได้เคลื่อนไหว การทานอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม มีกากใยน้อย เป็นโรคอ้วน การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นี่มันชีวิตชาวเราชัดๆ โรคความดันโลหิตสูงมักเริ่มออกอาการตอนอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยอาจจะเกิดจากปัจจัยไลฟ์สไตล์การทำงานข้างต้น หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ก็ได้ โดยถ้าคนในครอบครัวเป็นโรคนี้แบบไม่ทราบสาเหตุ จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่น ๆ ถึง 3 เท่า
อาการเบื้องต้น
การป้องกัน
- ตรวจเช็คร่างกายและวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- พยายามควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน
- ไม่รับประทานอาหารรสเค็มจัด
- รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ลดความเครียด ความวิตกกังวล ทำกิจกรรมที่รู้สึกผ่อนคลาย
อ่านแล้วก็นะ บางโรคหลายคนอาจจะรู้สึกว่า นี่เคยเป็นแล้วปะนะ แต่บางโรคก็น่ากลัวเกิ๊น คือถ้าน้องไม่ดูแลตัวเองให้ดี ก็ไม่รู้โรคเหล่านี้จะเกิดกับเราไหม เกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาการจะรุนแรงแค่ไหน โอยยย ขนลุก
สิ่งที่เราทำได้ก็คือการดูแลตัวเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญ การมีประกันสุขภาพติดไว้ก็ช่วยให้อุ่นใจไม่น้อย หากเกิดเป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาก้อนโตกันเนอะ ป่วยก็พักเถอะอย่าต้องมาเครียดเรื่องเงินค่ารักษาเพิ่มเลย ถ้าน้องสนใจซื้อประกันสุขภาพแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนดี พี่เรนนี่นำมารีวิวไว้ให้แล้ว คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรีวิวขั้นตอนการเลือกประกันสุขภาพได้เลยจ้า
อ้างอิงจาก : https://www.bumrungrad.com/th/health-blog