remove_red_eye1.8K Views

PTSD ภาวะเครียด ป่วยทางจิต จากเหตุการณ์รุนแรง

โพสต์วันที่ 27/07/2021

ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ ก็น่าจะเป็นปีที่หนักหน่วงมากๆสำหรับใครหลายๆคน แถมสถานการณ์โควิดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เราเริ่มเห็นหลายคนสูญเสียคนใกล้ชิดและครอบครัวไปอย่างน่าเศร้า ยังไม่รวมผู้คนที่ต้องออกจากงานหรือธุรกิจขัดสนด้วยผลกระทบจากโควิด-19 อีกนับไม่ถ้วน

สำหรับคนที่ระมัดระวังตัวอย่างดี ก็ยังไม่พ้นต้องเจอความเครียดจากข่าวด้านลบในแต่ละวัน จนเรียกได้ว่า แทบทุกคนกำลังประสบกับเหตุการณ์ร่วมกันที่สุ่มเสี่ยงต่อการสร้างบาดแผลทางใจ (Trauma) เป็นอย่างมาก หากใครรับไม่ไหว ก็อาจเกิดเป็นภาวะกระทบกระเทือนจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง หรือที่เรียกว่า Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ได้

ด้วยในภาวะเสี่ยงแบบนี้ พี่แมนก็เป็นห่วงทุกคน และอยากให้ทุกคนทำความรู้จักเจ้าภาวะ PTSD เอาไว้ เพื่อที่หากมันเกิดขึ้นกับเราเองจะได้รับมือถูก ไปดูพร้อมๆกันเลยครับว่ามีข้อควรรู้เกี่ยวกับภาวะ PTSD อะไรบ้าง

PTSD คือสภาวะเครียดจนส่งผลให้เกิดความกระทบกระเทือนจิตใจและอาการสารสื่อประสาทสมองผิดปกติหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง เช่น การฆาตกรรม สงคราม การปล้นชิงทรัพย์ ภัยพิบัติต่างๆ การก่อจลาจล การถูกข่มขืน โรคระบาด การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์รุนแรง และรวมไปถึงผู้ที่ต้องพบเจอหรือเป็นพยานให้กับเหตุการณ์เหล่านั้นซ้ำๆ รวมถึงจากหน้าที่การงาน เช่น จิตแพทย์ ตำรวจ นักข่าว


โดยแม้ผู้ประสบเหตุการณ์เหล่านี้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็จะเกิดบาดแผลทางใจและความเครียดอย่างมากจากการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เกิดเป็นความบกพร่องในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆตามมา ซึ่งผู้ที่อยู่ในภาวะ PTSD มักมีอาการต่างๆดังนี้ครับ:




 

  • อาการที่ประสบการณ์สะเทือนขวัญรุกล้ำเข้ามาในจิตรู้สำนึก (Intrusive symptoms)

หรือเป็นภาพฉายซ้ำของเหตุการณ์นั้นๆ (Re-experience) ที่จะเกิดภาพที่ทะลุทะลวงเข้ามาในสมองอย่างควบคุมไม่ได้ คล้ายภาพติดตา คิดถึงเหตุการณ์นั้นๆ ซ้ำๆ ไม่ว่าจะถูกกระตุ้นด้วยความคิดของตัวเอง หรือเห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องแล้วทำให้นึกถึง 





  • อาการหลีกเลี่ยง (Avoidance) 

ผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงสถานที่ สิ่งของ หรือผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ ทั้งการเดินผ่าน การไปเยี่ยมเยียน การสัมผัสสิ่งของ การพูดคุยกับผู้คน การเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักเป็นตัวกระตุ้นย้ำเตือนให้คิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว 





  • อาการกลุ่มร่างกายตื่นตัว (Hyperarousal)

เช่น การนอนไม่หลับ ตื่นตัวง่าย ใจสั่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย และระแวดระวังเกินเหตุ





  • ปฏิกิริยาตอบสนองต่อร่างกายในด้านลบ (Negative reaction หรือ Negative emotion) 

ทั้งอารมณ์เศร้า ทุกข์ทรมาน กังวล เบื่อหน่ายหมดความสนใจในสิ่งต่างๆ ไม่อยากทำอะไร มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง และเกิดความรู้สึกด้านลบต่างๆ จนส่งผลให้เกิดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยสูง


หากน้องๆ หรือคนใกล้ชิดมีอาการเข้าข่ายตามด้านบน งั้นมาต่อกันทางนี้เลยครับ จากข้อมูลที่พี่แมนค้นคว้ามา พบว่าวิธีการรักษาภาวะ PTSD จะแบ่งตามความรุนแรงของอาการได้เป็น 2 ระยะหลักๆ คือ: 

      1. การรักษาระยะแรก เมื่อเกิดอาการเฉียบพลัน (Acute Stress Disorder):

ภายหลังจากเกิดจากการประสบเหตุการณ์รุนแรง อันจะกระทบกระเทือนจิตใจจนเกิดอาการเครียดเฉียบพลันรวมถึงอาการทางประสาท แต่อาการระยะแรกเหล่านี้มักหายไปภายในหนึ่งเดือน โดยในระหว่างนี้ จะมีวิธีบำบัดรักษา ก็คือ:

  • วิธีจิตบำบัด:

จะใช้การพูดคุยเพื่อบำบัดรักษาเป็นหลัก โดยจะทำได้เมื่อผู้ป่วยพร้อมที่จะที่จะปรับเปลี่ยนความคิด เริ่มจากการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆให้ดียิ่งขึ้น 

โดยในการบำบัด ควรทำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ทั้งนักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์ที่ผ่านการฝึกด้านจิตบำบัดที่จะต้องรับฟังโดยไม่ตัดสินและแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อความทุกข์ของผู้ป่วยอย่างแท้จริง แล้วจึงชี้นำให้ผู้ป่วยพิจารณาว่ามีปัญหาที่สามารถแก้ไขได้หรือไม่ ก่อนจะเสนอแนวทางการแก้ปัญหา หรือการปฏิบัติตัวในอาการช่วงแรก

  • การบำบัดด้วยยา

สำหรับผู้ป่วยระยะแรกนี้ การทานยาจะมีส่วนช่วยเพียงเล็กน้อย แต่จิตแพทย์ก็อาจสั่งยาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหรือวิตกกังวลร่วมด้วยในระยะเวลาสั้นๆ


ถ้าหากทำได้ ผู้ป่วย PTSD ในระยะแรกควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้สามารถนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และผ่อนคลายกับสิ่งที่ชอบ เช่น หางานอดิเรกทำในยามว่างหรือเมื่อรู้สึกเครียด พบปะสังสรรค์กับเพื่อนหรือพูดคุยกับคนในครอบครัว เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และห้ามรับประทานยาเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์ครับ


      2. การรักษาระยะที่สอง เมื่อเกิดภาวะ PTSD

เมื่อผ่านพ้นช่วงอาการเฉียบพลันหนึ่งเดือนแรกภายหลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงมาแล้ว ผู้ป่วยอาจเกิดสภาวะทางจิตแบบ PTSD ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยอาจทิ้งช่วงยาวนานหลายเดือนหรือเป็นปีกว่าจะเริ่มมีอาการ แต่เมื่อเกิดอาการช่วงที่สองแล้ว สามารถรักษาได้ดังนี้ครับ:

  • วิธีจิตบำบัด

โดยใช้วิธีการพูดคุยคล้ายกับการรักษาในระยะแรก เพื่อเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้ป่วย และช่วยให้ผู้ป่วยปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ โดยการรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด เป็นวิธีที่ละเอียดอ่อน ควรดำเนินการบำบัดโดยนักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์ที่ผ่านการฝึกเฉพาะให้รับรู้เกี่ยวกับบาดแผลทางใจ (Trauma-informed) เพราะหากพูดคุยอย่างไม่เข้าใจหรือใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง ก็มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ป่วย PTSD จะมีอาการรุนแรงกว่าเดิมครับ

  • การบำบัดด้วยยา

ในระยะนี้ จิตแพทย์อาจใช้ยารักษาอาการซึมเศร้าเพื่อควบคุมความรู้สึกเศร้าและวิตกกังวลของผู้ป่วยร่วมด้วย เช่น ยาต้านเศร้า SSRI ยากลุ่มไตรไซคลิก ยาควบคุมอารมณ์ และยารักษาโรคจิตเวชกลุ่มใหม่ นอกจากนี้ อาจใช้ยาลดความดันโลหิตเพื่อควบคุมอาการบางอย่างด้วย เช่น ยาพราโซซินที่ใช้ลดอาการฝันร้าย และยาโพรพราโนลอลที่ใช้รักษาความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น โดยแพทย์มักไม่นิยมให้ใช้ยากล่อมประสาท เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการติดยาได้ครับ

  • การบำบัดด้วยการเผชิญหน้า

แพทย์เฉพาะทางจะให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว โดยอาจมีการใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน หรือ VR ร่วมด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับเหตุการณ์นั้น ๆ

และหากใครที่เริ่มรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลจากสถานการณ์ในช่วงนี้สะสมเป็นเวลานาน หรือมีคนใกล้ชิดมีอาการคล้ายกับ PTSD หรืออาการทางจิต ก็สามารถขอรับคำปรึกษาผ่านทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงได้เลยนะครับ

ดังนั้น พี่แมนขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพให้ดีทั้งกายและใจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเครียดและปัญหาต่างๆ ทางเดียวที่จะประคองตัวเองไปสู่วันที่ดีกว่าได้ก็คือการผ่านพ้นมันไปด้วยกันนะครับ พี่แมนและรีวิวประกันขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังประสบสถานการณ์โรคระบาดในครั้งนี้ด้วยนะครับ 


พี่แมน



ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.pobpad.com
https://www.rama.mahidol.ac.th
http://www.med.swu.ac.th
https://thestandard.co
นายแพทย์ชยุติ วงศ์เลิศวิศวกร


เกี่ยวกับผู้เขียน
Man
พี่แมน แห่งรีวิวประกัน หนุ่มนักคิดวัย 37 ปี อดีตหนุ่มออฟฟิศที่เก็บเงินสร้างธุรกิจส่วนตัวสำเร็จ ปัจจุบันเป็นคุณพ่อลูกสอง ภรรยาหนึ่ง พี่แมนชอบแนะนำแนวทางการจัดการเงินและหนี้ให้กับคนรอบๆตัวจากประสบการณ์ เพราะอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการวางแผนการเงินเพื่อทุกคนจะได้ไม่ต้องปวดหัวเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

#PTSD
#สภาวะป่วย
#ป่วยทางจิต
แนะนำสำหรับคุณ
NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต
2K view
Editor
verified_user
โรคซึมเศร้าที่ต้องรักษา กับราคาที่ต้องเสีย
55.8K view
Editor
verified_user
รักษาออฟฟิศซินโดรมแบบไม่เข้าเนื้อ - ประกันชมรมคนรักงาน
3K view
Editor
verified_user

ประกันที่ใกล้เคียง

เจนเนอราลี่
ประกันสุขภาพ
ชื่อแผน: Gen Health Lump Sum

฿8,060

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
5.0 (0)
remove_red_eye7.6K Views
ค่าห้อง
2,000 บาท/วัน
ผู้ป่วยใน
300,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ, ฟอกไต
จ่ายตามจริง
คุ้มครองเสียชีวิต
300,000 บาท
ประกันสุขภาพ
ชื่อแผน: Health Premium

฿10,330

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.5 (0)
remove_red_eye3.1K Views
ค่าห้อง
3,000 บาท/วัน
ผู้ป่วยใน
200,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
ซื้อเพิ่มได้
ชดเชยรายวัน
ซื้อเพิ่มได้
เสียชีวิต-พิการจากอุบัติเหตุ
100,000 บาท
ประกันสุขภาพ
ชื่อแผน: ประกันสุขภาพ Finsurance

฿16,861

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.3 (0)
remove_red_eye6.9K Views
ค่าห้อง
5,500 บาท/วัน
ผู้ป่วยใน
3,000,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
12,000 บาท/ปี
กายภาพบำบัด
3,000 บาท
คุ้มครองเสียชีวิต
50,000 บาท
เมืองไทยประกันชีวิต
แพ็คเสริมประกันกลุ่ม
ชื่อแผน: D Health Plus (มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ)

฿12,697

เบี้ยเริ่มต้น/ปี
4.6 (0)
remove_red_eye15.7K Views
ค่าห้อง
จ่ายตามจริง
ผู้ป่วยใน
5,000,000 บาท
ผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ
50,000 บาท
คุ้มครองอุบัติเหตุแบบผู้ป่วยนอก
ไม่คุ้มครอง
Loading...
Loading...
Loading...
รอสักครู่