10 สาเหตุที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด
จริงๆพี่แมนว่า การรู้ข้อมูลตรงนี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้คุณพอจะคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการรักษาหากเกิดเป็นโรคร้ายที่มีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตขึ้นมาได้จริงๆ เวลาเลือกซื้อประกันสุขภาพจะได้วางแผนทำประกันที่มีความคุ้มครองเพียงพอและตรงจุด และนอกจากเรื่องการซื้อประกัน คุณผู้อ่านจะได้หมั่นดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคเหล่านี้ได้เป็นพิเศษอีกด้วย
แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าควรจะคาดการณ์ความเสี่ยงโรคร้ายจากไหน งั้นเราลองมาดูสถิติ 10 อันดับสาเหตุการตายของคนไทย จัดทำโดยกองยุทธศาสตรและแผนงานสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เทียบกันระหว่างปี 2557 กับปี 2561 ลองเดากันเล่นๆในใจดูสิครับ คิดว่าเป็นโรคไหนกัน?
พี่แมนเชื่อว่าหลายคนน่าจะเดาถูกใช่ไหมล่ะ ใช่แล้วครับ! โรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดของคนไทย ไม่ใช่โรคไหนอื่นไกลแต่เป็นโรคที่ทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อและแอบมีกลัวกันบ้างแหละ นั่นก็คือ “โรคมะเร็ง” นั่นเอง
3 อันดับโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด
และถ้าให้จัดอันดับ top 3 โรคร้ายก็จะมีดังนี้ครับ:- โรคมะเร็ง: อัตราการเสียชีวิต 120.3 คน ต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มจากปี 2557 มากถึง 12.12%
- โรคหลอดเลือดในสมอง: อัตราการเสียชีวิต 47.1 คน ต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มจากปี 2557 มากถึง 21.71%
- โรคปอดอักเสบ: อัตราการเสียชีวิต 45.2 คน ต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มจากปี 2557 มากถึง 20.86%
1. โรคมะเร็ง
มะเร็งเป็นโรคอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตคนไทย ซึ่ง 5 อันดับมะเร็งที่ป๊อปปูล่าที่สุด ได้แก่ มะเร็งตับ, มะเร็งหลอดคอ หลอดลมใหญ่และปอด, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งเต้านมหญิง, มะเร็งปากมดลูก โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งโดยรวมอยู่ที่ 73,436 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 83,524 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มมากขึ้นถึง 12.12%
2. โรคหลอดเลือดในสมอง หรือ Stroke
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมองอยู่ที่ 26,486 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 32,702 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมองเพิ่มมากขึ้นถึง 21.71%
โรคหลอดเลือดในสมอง เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเพราะมีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้สมองขาดเลือด อยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ กลายเป็น "โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน" โดยถ้าหากเกิดอาการรุนแรงอาจนำไปสู่อาการของอัมพฤกษ์อัมพาต หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยครับ
อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยของโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เช่น เกิดอาการตาพร่ามัวมองเห็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งซีก อ่อนแรงและหน้าเบี้ยว หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย พูดลำบาก หรือฟังไม่เข้าใจ เวียนศีรษะ การทรงตัวไม่ดี เดินเซ กลืนลำบาก ปวดศีรษะ บางครั้งจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง
3. โรคปอดอักเสบ หรือปอดบวม
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบโดยรวมอยู่ที่ 25,597 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 31,382 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบเพิ่มมากขึ้นถึง 20.86%
โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อ (Pneumonia) เกิดชึ้นเมื่อมีเชื้อโรคที่แพร่เข้าสู่ปอดและทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งเชื้อที่พบจะแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอายุ และสภาพแวดล้อมที่เกิดโรค เช่น ได้รับเชื้อจากที่ชุมชนทั่วไป หรือจากภายในโรงพยาบาล
โดยอาการที่พบได้บ่อยของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อก็ได้แก่มีอาการไอมีเสมหะเจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอหายใจลำบากหายใจหอบมีไข้เหงื่อออกหนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน และอ่อนเพลีย
4. โรคหัวใจขาดเลือด
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดโดยรวมอยู่ที่ 19,026 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 27,355 คน/ปี ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบรรดาทั้ง 10 โรค เรตการเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดเพิ่มมากขึ้นถึง 41.73% เลยทีเดียวครับ
โรคนี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยมีกลไกการเกิดมาจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ดี แม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าหลอดเลือดจะอุดตันเมื่อไหร่ และกล้ามเนื้อหัวใจจะขาดเลือดตอนไหน แต่สามารถสังเกตอาการได้ โดยผู้ป่วยมักมีอาการแน่นหน้าอกเป็นอาการเตือนที่สำคัญที่ควรต้องพาไปพบแพทย์โดยด่วนครับ
5. อุบัติเหตุจากการคมนาคมขนส่งทางบก
ที่เป็นสาเหตุการตายเดียวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยทางสุขภาพของคนไทยนะครับ โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการคมนาคมขนส่งทางบก เช่น การเดินทางโดยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงรถสาธารณะอย่างรถเมล์และรถแท็กซี่ด้วยครับ โดยรวมอยู่ที่ 15,878 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 17,496 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการคมนาคมขนส่งทางบกเพิ่มมากขึ้นถึง 8.62%
6. โรคเบาหวาน
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคเบาหวานอยู่ที่ 11,977 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 15,205 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นถึง 25.14%
โรคเบาหวาน เป็นภาวะเรื้อรังของการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเกิดการความบกพร่องของการสร้างหรือการทำงานของอินซูลิน โดยโรคเบาหวานมักจะเกี่ยวพันกับโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงโรคอื่นๆ เช่นโรคหัวใจอัมพาตไตวายความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดหัวใจโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เป็นต้น อันอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ครับ
7. โรคเกี่ยวกับตับ
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคตับอยู่ที่ 10,334 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 10,623 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคตับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.32%
โรคตับ เป็นโรคที่เกิดจากการที่ตับได้รับบาดเจ็บหรือเกิดแผลเป็นแบบถาวร จนทำให้เป็นพังผืดขึ้นในเนื้อตับ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับช้าลง ทั้งการผลิตโปรตีน การจัดการกับสารพิษในร่างกาย การไหลเวียนของเลือดที่ไหลผ่านตับไม่สะดวกจนอาจถึงขั้นปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน และอาจทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้
คนที่ตับมีปัญหามักจะเริ่มจากอาการที่ไม่ได้บ่งบอกชัดเจนนัก เช่นอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ประจำเดือนมาไม่ปกติ จนถึงขั้นตัวเริ่มเหลือง ตาเหลือง มีอาการบวมขึ้นที่แขนขาและหน้าท้อง ถ้าหากเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้นอาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือดเพราะความดันในตับสูง มีอาการปวดแน่นที่ชายโครง บริเวณมุมปากหรือริมฝีปากมีสีคล้ำผิดปกติ ถ้าหากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยเร็วก่อนที่จะมีอาการรุนแรงไปมากกว่านี้ครับ
8. โรคทางเดินหายใจส่วนล่างเรื้อรัง
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจส่วนล่างเรื้อรังอยู่ที่ 8,281 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 9,651 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจส่วนล่างเรื้อรังเพิ่มขึ้น 14.88% เลยทีเดียว
โรคทางเดินหายใจส่วนล่างเรื้อรัง หมายถึงโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง เริ่มตั้งแต่ส่วนบนของหลอดลมไปจนถึงถุงลมในปอด โรคที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ที่พบบ่อย ได้แก่ หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (acute bronchitis) หลอดลมฝอยอักเสบเฉียบพลัน (acute bronchiolitis) และโรคปอดบวมเฉียบพลัน (acute pneumonia)
9. โรควัณโรคทุกชนิด
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรควัณโรคอยู่ที่ 6,228 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 6,249 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรควัณลดลง 1.10% ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่รักษาหายหากพบหมอเร็ว
วัณโรค เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium ซึ่งมีหลายชนิด โดยเชื้อที่พบบ่อยที่สุดและเป็นปัญหาในประเทศไทยก็คือเชื้อ Mycobacterium tuberculosis
วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอดโดยพบถึงร้อยละ 80 ส่วนวัณโรคนอกปอดก็เป็นผลมาจากการแพร่กระจายของการติดเชื้อไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื้อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น
10. โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากไวรัส (เอดส์)
โดยตามสถิติในปี 2557 คนที่เสียชีวิตจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากไวรัสอยู่ที่ 6,023 คน/ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ 4,860 คน/ปี เรตการเสียชีวิตจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากไวรัสลดลงถึง 20.45% ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สามารถควบคุมให้ผู้ที่ติดเชื้อสามารถอยู่กับโรคได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
โรคเอดส์เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งย่อมาจากคำว่า Human Immunodeficiency Virus ในขณะที่โรคเอดส์หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome คือกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกเชื้อไวรัสทำลายจนร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคทั้งหลายที่เข้าสู่ร่างกายได้ เมื่อภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยเอดส์อาจมีอาการได้มากมายหลายอย่าง เช่น มีไข้ ผื่นขึ้นตามตัว เกิดการลุกลามของโรคเริม ปอดอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง ผอมลงและน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว คุณผู้อ่านก็คงจะพอมองเห็นภาพรวมแล้วนะครับ ว่าแต่ละคนควรจะมีแผนการดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างไร รวมถึงควรจะวางแผนทางการเงินและการซื้อประกันสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมรับกับโรคร้ายเหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันได้อย่างไร พี่แมนเชื่อว่า ถ้าหากคุณเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ทั้งในแง่สุขภาพและการเงิน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบไหน ยังไงก็เอาอยู่แน่นอนครับ
ที่มา: รายงานสถิติสาธารณะสุข พ.ศ.2561 โดยกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณะสุข
Photo credits:
- Technology vector created by macrovector -www.freepik.com
- Icons made by Eucalyp from www.flaticon.com
- Icons made by Flat Icons from www.flaticon.com
- Icons made by itim2101 from www.flaticon.com
- Icons made by Freepik from www.flaticon.com
- Icons made by photo3idea_studio from www.flaticon.com