แปลแบบเข้าใจง่าย
ตามสัญญาและหลักการประกันภัยแล้ว บริษัทประกันจะกำหนดว่าจะจ่ายเคลม 1) ให้ใคร 2) เท่าไหร่ 3) จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายที่รับประกัน และโดยหลักแล้วจะจ่ายเมื่อมีหลักฐานพร้อมและเพียงพอกับการพิจารณาเมื่อยื่นเคลม แปลว่าเราจะต้องนำหลักฐานการเคลมส่งให้บริษัทประกัน บริษัทประกันจึงจะจ่ายค่าเสียหายถึงบัญชีธนาคารเรา เพราะฉะนั้นการสำรองจ่ายจึงเป็นเรื่องปกติของการเบิกเคลมประกัน
แต่ในสมัยใหม่บริษัทส่วนใหญ่จะอำนวยความสะดวกโดยมีการเชื่อมต่อระบบกับโรงพยาบาลให้รวดเร็วสำหรับลูกค้ามากขึ้น จึงทำให้ลูกค้าไม่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาลก่อน เป็นการลัดคิวให้เลย ในปัจจุบันการสำรองจ่ายจะเกิดใน 2 กรณี
1) บริษัทประกันไม่มีบริการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลนั้น ๆ
2) บริษัทประกันได้รับข้อมูลจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อการพิจารณาการเคลม ต้องใช้เวลาและข้อมูลเพิ่ม จึงไม่สามารถพิจารณาเคลมได้ทันก่อนลูกค้าออกจากโรงพยาบาล จึงต้องให้ลูกค้ามายื่นเคลมพร้อมหลักฐานอีกครั้งหนึ่งและสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อนนั่นเอง
แต่ในสมัยใหม่บริษัทส่วนใหญ่จะอำนวยความสะดวกโดยมีการเชื่อมต่อระบบกับโรงพยาบาลให้รวดเร็วสำหรับลูกค้ามากขึ้น จึงทำให้ลูกค้าไม่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาลก่อน เป็นการลัดคิวให้เลย ในปัจจุบันการสำรองจ่ายจะเกิดใน 2 กรณี
1) บริษัทประกันไม่มีบริการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลนั้น ๆ
2) บริษัทประกันได้รับข้อมูลจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อการพิจารณาการเคลม ต้องใช้เวลาและข้อมูลเพิ่ม จึงไม่สามารถพิจารณาเคลมได้ทันก่อนลูกค้าออกจากโรงพยาบาล จึงต้องให้ลูกค้ามายื่นเคลมพร้อมหลักฐานอีกครั้งหนึ่งและสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อนนั่นเอง