10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีสุขภาพรับปี 2023
1. ลด “เวลา” รอคอยของผู้ป่วยให้น้อยที่สุด
เคยไปพบแพทย์แล้วต้องรอนาน ๆ บ้างมั๊ย !? ปัญหารอคิวนานนี้จะค่อย ๆ หมดไป หลังจากโรงพยาบาลต่างประเทศหลายแห่งเริ่มนำเทคโนโลยีการตรวจขั้นพื้นฐานมาใช้ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องรอคิวนานอีกต่อไป รวมถึงการนำแอปพลิเคชั่นมาใช้ ซึ่งผู้ป่วยสามารถพบแพทย์จากทางไกลได้แบบ one-on-one เลยทีเดียว ไม่ต้องเสียค่าเดินทางใด ๆ
2. ไม่ต้องพึ่งมนุษย์ เพราะหุ่นยนต์ก็ “Emergency Care” ได้
ในยามวิกฤตเมื่อโรงพยาบาลต้องรับผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนมาก และจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นสิ่งที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตได้ก็ไม่พ้นเครื่องมืออย่าง IoT เช่น เซนเซอร์วัดอุณหภูมิความชื้น เซนเซอร์วัดความดันโลหิต ฯลฯ ที่เข้ามาช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ขั้นพื้นฐาน และให้บุคลากรทางการแพทย์ดูแลงานที่สำคัญกว่า3. วัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเซนเซอร์ที่ฝังในตัว
Ambient Intelligence เป็นเครื่องเซนเซอร์วัดระดับน้ำตาลในเลือดที่ฝังอยู่ภายในร่างกายของผู้ป่วย สามารถวัดและบอกข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่าง Realtime พร้อมส่งข้มูลให้กับแพทย์ประจำตัวที่รักษาได้อย่างง่าย แม่นยำ และสะดวกสบาย
4. ผู้สูงอายุ มี AI คอยดูแล แทนลูกหลาน
ประเทศที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก เทคโนโลยี Ambient Assisted Living (AAL) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพื่อใช้ในการตรวจสุขภาพจากระยะไกล คงสงสัยกันใช่มั๊ยว่าเจ้าเทคโนโลยี AAL คืออะไร ALL คือเทคโนโลยีเซนเซอร์ที่ใช้ติดตามความเสี่ยงปัญหาสุขภาพและการล้มลง ซึ่งเป็นภาวะเสี่ยงที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ โดยเทคโนโลยีนี้สามารถแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่น เพื่อบอกเหตุการณ์ที่อาจเกิดกับผู้สูงอายุได้
5. เซนเซอร์ติดในห้อง เตือนได้ยามฉุกเฉิน
เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ว่านี้จะติดตั้งในห้องของผู้ป่วยขณะที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและตามห้องของผู้ป่วยในบ้านพักคนชรา เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์สามารถตรวจสอบและรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น6. ดูแลผู้ป่วยด้วย AI ครบวงจร
การนำเครื่องมือ Ambient Devices มาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อช่วยซัพพอร์ตการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น
-
ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะฉุกเฉินของผู้ป่วย
-
ลดจำนวนระยะเวลาในการรรอคิว
-
วัดและตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด
7. จริยธรรมในการใช้ก็ต้องพัฒนาด้วย
แน่นอนว่าการใช้เครื่องมือด้วยระบบอัจริยะ AI ย่อมต้องมีการเก็บข้อมูลของผู้ป่วยไว้อยู่แล้ว ดังนั้นการใช้เครื่องมือในแวดวงทางการแพทย์จึงต้องมีการรับรองความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย การพัฒนาระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วยจึงสำคัญ
8. พฤติกรรมผู้ป่วย เช็คได้ไม่ยาก
เดี๋ยวนี้อยากจะเช็คพฤติกรรมของผู้ป่วยก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วย Smart watch เพราะเครื่องมือเหล่านี้สามารถคาดการณ์และป้องกันเหตุฉุกเฉินได้ รวมถึงติดตาพฤติกรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายรูปแบบต่าง ๆ ค่าออกซิเจนในเลือด รวมถึงค่าต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการติดตามและศึกษาของแพทย์ประจำตัว9. ใช้ AI นอกโรงพยาบาล เพื่อค่ารักษาที่ถูกลง
รักษาตัวในโรงพยาบาลตลอด แน่นอนว่าต้องสิ้นเปลืองเงินสุดแสนแพงอยู่แล้ว แค่ค่าห้องก้ปาไปเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นแล้ว สำหรับใครที่งบน้อยต้องรักษาตัวที่บ้าน ก็เหมือนมีพยาบาลเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพราะ Ambient Intelligence ก็สามารถนำมาใช้นอกโรงพยาบาล ติดตามอาการของผู้ป่วยที่บ้านกันได้แล้ว
10. การใช้ Telehealth ที่เพิ่มขึ้น
อย่างที่บอกไปว่าเดี๋ยวนี้อยากจะหาหมอก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เพราะเค้ามีแอป Telehelth ที่สามารถ Facetime กับหมอได้เลยทันที รวมถึงจองคิว การลงทะเบียนประวัติผู้ป่วย การ Check List อาการป่วยที่เราเป็น ก็ทำได้ง่ายเลยผ่านแอป
ติดตามบทความดีๆ ได้ที่ www.reviewprakan.com
ที่มา :
https://www.analyticsinsight.net/top-10-ambient-intelligence-trends-for-the-healthcare-industry-in-2023/
https://www.forbes.com/sites/naveenjoshi/2022/01/09/the-myriad-applications-of-ambient-intelligence-in-healthcare/?sh=3536e144424d