remove_red_eye20K Views
ประกันออฟฟิศซินโดรม จ่ายจริงป่าว?
โพสต์วันที่ 29/05/2020
พี่เรนนี่เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ คงคุ้นเคยกันดีกับเจ้าอาการ “ออฟฟิศซินโดรม” (Office Syndrome) ที่คอยมาแวะเวียนมาหาในชีวิตการทำงานอยู่เรื่อยๆจนเบื่อกันไปข้าง โดยถ้าพูดถึงโรคหรืออาการของออฟฟิศซินโดรม หลายๆคนคงจะคิดถึงอาการปวดเมื่อย เมื่อยคอ เมื่อยไหล่จากการนั่งจ้องคอมนานๆทุกวันใช่มั้ยล่ะ?
หลายๆคนพอทำงานหมดวัน ก็ขอแว่บไปนวดซะหน่อย บีบๆนวดๆให้มันหายเครียด ฟินๆกล้ามเนื้อกันไป จนบางคนกลายเป็นลูกค้าประจำร้านนวดแถวบ้านที่ต้องไปทุกอาทิตย์ ทุกเดือน บรรเทาความออฟฟิศซินโดรมได้อยู่หมัด
ตอนแรกพี่เรนนี่ก็คิดว่า ออฟฟิศซินโดรมคงมีอาการแค่ประมาณนี้แหละ แต่ถ้าไปถามคุณหมอหรือโรงพยาบาล เราเข้าใจคำว่า “ออฟฟิศซินโดรม” เหมือนกันไหมเนี่ย?
เพราะในทางการแพทย์ เค้าก็จะบอกว่าออฟฟิศซินโดรมก็ครอบคลุมหลายๆอย่าง เช่น
โดยประสบการณ์ของพี่เรนนี่ ก็เคยมีประกันโทรมาขายประกันออฟฟิศซินโดรมอยู่นะ ในใจก็คิดว่าเออน่าสนใจนะ จะได้ไม่ต้องจ่ายค่านวดเอง 555 แบบว่าอาจจะอัพเกรดตัวเองไปทำกายภาพบำบัดซะเลย (ก็ค่ากายภาพบำบัดทีเป็นหลักพันขึ้นไป จะให้ไปทำทุกอาทิตย์ก็ไม่ไหวนะ) ซึ่งประกันออฟฟิศซินโดรมเนี่ย ก็มีค่าเบี้ยที่ไม่แพงเลย อยู่หลักร้อยกลางๆ เท่านั้น เกือบจะตกลงทำไปซะแล้วด้วย
แล้วก็โป๊ะเชะค่ะ รายละเอียดไม่ตรงกับที่หวังเอาไว้เลย สรุปวันนั้นพี่ก็ไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครมาเสนอให้ทำประกันออฟฟิศซินโดรม เชื่อพี่นะคะ ถามให้ละเอียดๆ อย่าได้เกรงใจ
ประเด็นก็คือ แพ็คเกจประกันที่ออกมาคุ้มครองเฉพาะออฟฟิศซินโดรม มักจะระบุโรคที่คุ้มครองไว้ค่อนข้างชัดเจน และโรคที่เค้าจะคุ้มครองก็ดันไม่เหมือนกับที่เราเข้าใจน่ะสิ
แต่ละที่ก็จะออกความคุ้มครองไม่เหมือนกัน แต่พี่ขอยกตัวอย่างเจ้านึง ซึ่งเค้าคุ้มครองโรคจากออฟฟิศซินโดรม ดังนี้:
ลองลิสต์เป็นข้อๆดูก่อนเลยก็ได้ว่าที่จริงแล้ว เราอยากได้ประกันออฟฟิศซินโดรมที่คุ้มครองแค่โรคเบาๆ เอาแค่ช่วยจ่ายค่ากายภาพบำบัดให้เราได้ หรือเราจะมองไกลเผื่อไว้สำหรับโรคที่รุนแรงมากกว่านี้ไว้ด้วยเลย
สมมุติบางคนไม่ได้ถามรายละเอียดให้ดี แล้วพอซื้อประกันอย่างในตัวอย่างไป พอป่วยจริงๆแล้วหมอวินิจฉัยว่าเป็น ปวดสะบักหลัง ตอนจะเคลมประกันก็ไม่จ่ายให้นะจ๊ะ ถึงตอนนั้นเราคงเสียความรู้สึกแหละ แต่จะไปฟ้องร้องมันก็เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ พลันจะเกลียดประกันกว่าเดิม 55 ทำความเข้าใจให้ดีก่อนซื้อน่าจะดีกว่าเนอะ
จริงๆประกันที่คุ้มครองโรคกลุ่มนี้มีหลากหลายตัว ประกันสุขภาพทั่วไปหลายๆตัวก็คุ้มครองโรคกลุ่มนี้ด้วยนะ ถ้าใครมีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำเพิ่มก็ได้ เพราะแพ็คเกจประกันออฟฟิศซินโดรมเค้าทำมาเพื่อคนที่อาจจะไม่ได้อยากทำประกันสุขภาพแพ็คใหญ่ แต่กังวลเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
อ้ะแถมให้อีกนิด สำหรับขวัญใจหมอนวดที่อยากอัพเกรดไปทำกายภาพบำบัดแบบพี่เรนนี่ ถ้าใครซื้อประกันอะไรก็แล้วแต่ที่เบิกค่ากายภาพบำบัดได้ อยากเบิกค่าใช้จ่ายตรงนี้มันก็มีเงื่อนไขอยู่นะว่าแบบไหนเบิกได้ไม่ได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยจ้า
Photo Credits:
หลายๆคนพอทำงานหมดวัน ก็ขอแว่บไปนวดซะหน่อย บีบๆนวดๆให้มันหายเครียด ฟินๆกล้ามเนื้อกันไป จนบางคนกลายเป็นลูกค้าประจำร้านนวดแถวบ้านที่ต้องไปทุกอาทิตย์ ทุกเดือน บรรเทาความออฟฟิศซินโดรมได้อยู่หมัด
ตอนแรกพี่เรนนี่ก็คิดว่า ออฟฟิศซินโดรมคงมีอาการแค่ประมาณนี้แหละ แต่ถ้าไปถามคุณหมอหรือโรงพยาบาล เราเข้าใจคำว่า “ออฟฟิศซินโดรม” เหมือนกันไหมเนี่ย?
เพราะในทางการแพทย์ เค้าก็จะบอกว่าออฟฟิศซินโดรมก็ครอบคลุมหลายๆอย่าง เช่น
- ปวดศีรษะ: โดยอาจปวดร้าวไปถึงตา และมีอาการปวดตุ๊บๆ คล้ายไมเกรนบ่อยๆ เกิดได้จากการใช้สายตาในการทำงานมาก
- ปวดเมื่อยหรือเกร็งตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ: เช่น หลัง ไหล่ สะบัก ต้นคอ แขน ข้อมือ นิ้วมือ เนื่องจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งมากเกินไป และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นอยู่เฉยๆ ก็ปวดขึ้นมาเองได้
- มีอาการเจ็บ ตึง และชาตามอวัยวะต่างๆ: ซึ่งพัฒนามาจากอาการปวดเรื้อรัง อาการเหล่านี้เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ มีเอ็นอักเสบทับเส้นประสาท หรือเส้นประสาทตึงตัว จนกลายเป็นอาการชาตามมือตามแขน และมีอาการเส้นยึด
- นิ้วล็อก: จากการจับเมาส์หรือการใช้นิ้วมือและข้อมือจับโทรศัพท์มือถือในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือ ทำให้เส้นเอ็นหนาตัวขึ้นและส่งผลให้ไม่สามารถเหยียดนิ้วมือได้ตามปกติ
- นอนไม่หลับ: หรือนอนหลับไม่สนิทอันเกิดจากความเครียด รวมถึงการมีอาการปวดเมื่อยและปวดหัวมารบกวนในเวลานอนเป็นระยะๆ
โดยประสบการณ์ของพี่เรนนี่ ก็เคยมีประกันโทรมาขายประกันออฟฟิศซินโดรมอยู่นะ ในใจก็คิดว่าเออน่าสนใจนะ จะได้ไม่ต้องจ่ายค่านวดเอง 555 แบบว่าอาจจะอัพเกรดตัวเองไปทำกายภาพบำบัดซะเลย (ก็ค่ากายภาพบำบัดทีเป็นหลักพันขึ้นไป จะให้ไปทำทุกอาทิตย์ก็ไม่ไหวนะ) ซึ่งประกันออฟฟิศซินโดรมเนี่ย ก็มีค่าเบี้ยที่ไม่แพงเลย อยู่หลักร้อยกลางๆ เท่านั้น เกือบจะตกลงทำไปซะแล้วด้วย
แต่นี่พี่เรนนี่นะคะ! ประกันจะไม่ได้กินเงินเราง่ายๆ ก็เลยขอให้ประกันกางรายละเอียดให้ดูเลยว่า ที่บอกคุ้มครองโรคออฟฟิศซินโดรมอะ นางคุ้มครองอะไรให้บ้าง?
แล้วก็โป๊ะเชะค่ะ รายละเอียดไม่ตรงกับที่หวังเอาไว้เลย สรุปวันนั้นพี่ก็ไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครมาเสนอให้ทำประกันออฟฟิศซินโดรม เชื่อพี่นะคะ ถามให้ละเอียดๆ อย่าได้เกรงใจ
ประเด็นก็คือ แพ็คเกจประกันที่ออกมาคุ้มครองเฉพาะออฟฟิศซินโดรม มักจะระบุโรคที่คุ้มครองไว้ค่อนข้างชัดเจน และโรคที่เค้าจะคุ้มครองก็ดันไม่เหมือนกับที่เราเข้าใจน่ะสิ
แต่ละที่ก็จะออกความคุ้มครองไม่เหมือนกัน แต่พี่ขอยกตัวอย่างเจ้านึง ซึ่งเค้าคุ้มครองโรคจากออฟฟิศซินโดรม ดังนี้:
- กรดไหลย้อน
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- อาการหมุน เวียนศีรษะ บ้านหมุน
- การกดทับเส้นประสาทบรเวณข้อมือ หรือผังผืดทับเส้นประสาท
- โรคนิ้วล็อค ปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมืออักเสบ
- โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท
ถ้าเป็นแบบนี้ ใครที่อยากจะซื้อประกันออฟฟิศซินโดรม ก็ดูรายละเอียดให้ดีซักหน่อยว่าเค้าจะคุ้มครองในส่วนที่เราอยากได้รึเปล่า
ลองลิสต์เป็นข้อๆดูก่อนเลยก็ได้ว่าที่จริงแล้ว เราอยากได้ประกันออฟฟิศซินโดรมที่คุ้มครองแค่โรคเบาๆ เอาแค่ช่วยจ่ายค่ากายภาพบำบัดให้เราได้ หรือเราจะมองไกลเผื่อไว้สำหรับโรคที่รุนแรงมากกว่านี้ไว้ด้วยเลย
สมมุติบางคนไม่ได้ถามรายละเอียดให้ดี แล้วพอซื้อประกันอย่างในตัวอย่างไป พอป่วยจริงๆแล้วหมอวินิจฉัยว่าเป็น ปวดสะบักหลัง ตอนจะเคลมประกันก็ไม่จ่ายให้นะจ๊ะ ถึงตอนนั้นเราคงเสียความรู้สึกแหละ แต่จะไปฟ้องร้องมันก็เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ พลันจะเกลียดประกันกว่าเดิม 55 ทำความเข้าใจให้ดีก่อนซื้อน่าจะดีกว่าเนอะ
จริงๆประกันที่คุ้มครองโรคกลุ่มนี้มีหลากหลายตัว ประกันสุขภาพทั่วไปหลายๆตัวก็คุ้มครองโรคกลุ่มนี้ด้วยนะ ถ้าใครมีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำเพิ่มก็ได้ เพราะแพ็คเกจประกันออฟฟิศซินโดรมเค้าทำมาเพื่อคนที่อาจจะไม่ได้อยากทำประกันสุขภาพแพ็คใหญ่ แต่กังวลเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
อ้ะแถมให้อีกนิด สำหรับขวัญใจหมอนวดที่อยากอัพเกรดไปทำกายภาพบำบัดแบบพี่เรนนี่ ถ้าใครซื้อประกันอะไรก็แล้วแต่ที่เบิกค่ากายภาพบำบัดได้ อยากเบิกค่าใช้จ่ายตรงนี้มันก็มีเงื่อนไขอยู่นะว่าแบบไหนเบิกได้ไม่ได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยจ้า
เงื่อนไขการเบิกจ่ายค่ากายภาพบำบัด
- ประกันสุขภาพทั่วไป: ส่วนใหญ่จะเบิกค่าบริการกายภาพบำบัดได้ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน (IPD) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แอดมิท” ที่โรงพยาบาลเท่านั้น ถ้าหากคุณหมอนัดมาทำกายภาพแบบไปเช้า เย็นกลับ ก็อาจจะไม่เข้าข่ายความคุ้มครอง ดังนั้นลองเช็คเงื่อนไขดีๆนะจ๊ะ
- ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก หรือประกัน OPD: กรณีรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล หรือคลินิกกายภาพบำบัดทั้งของราชการและเอกชนโดยไม่ได้พักค้างคืนในฐานะผู้ป่วยใน จะต้องมีใบส่งตัวจากแพทย์ที่โรงพยาบาลซึ่งระบุว่าให้คนไข้เข้ารับการรักษาทางกายภาพบำบัดเท่านั้น จึงจะสามารถเบิกค่าบริการทางกายภาพบำบัดได้นะจ๊ะ ถ้าหากเดินดุ่มๆไปหานักกายภาพเลยก็จะเบิกเคลมไม่ได้ โดยนักกายภาพบำบัดจะออก “ใบรับรองการทำกายภาพบำบัด” และใบเสร็จรับเงิน เพื่อประกอบการเคลมประกันให้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่จะเบิกได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับวงเงินที่ซื้อประกันไว้ ซึ่งส่วนใหญ่วงเงินจะไม่เกินครั้งละ 1,000-2,000 บาทค่ะ
- ประกันอุบัติเหตุ: ประกันแบบนี้ก็สามารถเบิกค่าบริการทางกายภาพบำบัดได้ด้วยเหมือนกันนะจ๊ะ แต่ต้องมีสาเหตุอันเกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น และอาจจะต้องตรวจสอบเงื่อนไขของประกันด้วยว่าครอบคลุมถึงการรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดด้วยหรือไม่
Photo Credits:
- Icons made by Flat Icons from www.flaticon.com
- Icons made by Becris from www.flaticon.com
- Icons made by surang from www.flaticon.com
- Icons made by Good Ware from www.flaticon.com
- People vector created by pikisuperstar - www.freepik.com