ทำไมต้องซื้อ Elite Health

ไม่มีใครทราบได้เลยว่า วิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราในระยะยาวอย่างไรบ้าง ถ้าแม้ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผล หลายๆคนก็คงเริ่มสังเกตเห็นถึงแนวโน้มการเจ็บป่วยรุนแรงอย่าง เช่น มะเร็ง ที่หลายคนก็เริ่มเป็นกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่อาจตามมา ทำให้ประกัน Elite Health จากเมืองไทยประกันชีวิต กลายมาเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ซื้อประกันเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวประกันที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ

โดยประกันสุขภาพ Elite Health ของเมืองไทยประกัน เป็นประกันที่เน้นไปที่การคุ้มครองความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยร้ายแรงและการเจ็บป่วยฉุกเฉิน และมีจุดเด่นดังนี้

• คุ้มครองการรักษาผู้ป่วยใน (IPD) แบบจ่ายตามจริง
• คุ้มครองการรักษาพยาบาลฉุกเฉินแบบจ่ายตามจริง
• คุ้มครองการรักษาโรคมะเร็ง (เคมีบำบัดและรังสีบำบัด) ค่าล้างไต การทำ MRI/CT Scan แบบจ่ายตามจริง
• คุ้มครองทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง ตามภูมิภาคที่เลือกไว้
• มีวงเงินผลประโยชน์สูงสุดขั้นต่ำ สูงถึง 20 ล้านบาทต่อปี
• ในแผนประกันที่สูงขึ้น จะคุ้มครองการักษาผู้ป่วยนอกทั้งค่าปรึกษาแพทย์และค่ายา ตั้งแต่แผน 2 ขึ้นไป และจะคุ้มครองค่ารักษาทางจิตเวชผู้ป่วยใน, ค่ากายภาพบำบัดผู่ป่วยนอก, การตรวจสุขภาพประจำปีและฉีดวัคซีน รวมถึงค่าคลอดบุตร ตั้งแต่แผน 3 ขึ้นไป

ฟังดูน่าสนใจแบบนี้ หากยังอยากรู้ว่าประกัน Elite Health จะดีอย่างที่โปรโมทหรือเปล่า งั้นเราไปอ่าน บทสัมภาษณ์ประสบการณ์จริงของคุณทราย พนักงานการตลาดในวัยใกล้ 30 ให้กับบริษัทสื่อโฆษณาแห่งหนึ่ง และเป็นลูกค้าที่ซื้อประกัน Elite Health ของเมืองไทยประกันชีวิตกันดีกว่า

รีวิวประกัน Elite Health ของเมืองไทยประกันชีวิต โดยคุณทราย

Q: ทำไมตอนนั้นคุณทรายถึงเริ่มมองหาประกันสุขภาพ?

A: คือจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ ทรายไม่ค่อยห่วงเรื่องการทำประกันเท่าไหร่ เพราะเป็นคนแข็งแรงมาตลอด แทบจะไม่ต้องไปโรงพยาบาล ตั้งแต่ทำงานมาก็เป็นคนทำงานหนักมาตลอด ถ้าใครอยู่ในวงการสื่อโฆษณาจะเข้าใจดีว่าการกลับบ้าน 3-4 ทุ่มทุกวันเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกป่วยอะไร จนมาวันหนึ่งอยู่ดี ๆ เพื่อนร่วมงานที่สนิทกันก็ล้มลงไปซะเฉย ๆ ต้องพาส่งโรงพยาบาลและตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยเพื่อนคนนี้ก็เป็นคนที่อยู่ทำงานดึกกับทรายทุกวัน อายุก็ไล่เลี่ยกัน จนทรายเริ่มรู้สึกว่าความเสี่ยงด้านสุขภาพมันอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะล้มป่วยไปเมื่อไหร่ แล้วจะมีเงินค่ารักษาพอมั้ย ตั้งแต่ตอนนั้นทรายก็เลยเริ่มมองหาประกันสุขภาพมาลดความเสี่ยงตรงนี้ค่ะ

Q: แล้วมีวิธีเลือกประกันสุขภาพยังไง ถึงหาเจออันที่ใช่?

A: อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการด้านสุขภาพของแต่ละคนเลยนะคะ แต่ส่วนตัวของทรายเองจะดูก่อนเลยว่าประกันสุขภาพอันนั้นคุ้มครองการรักษาโรคร้ายแรงโดยเฉพาะมะเร็งหรือไม่ อันนี้คือสิ่งสำคัญอันดับแรก อีกข้อก็จะดูว่าคุ้มครองมะเร็งในทุกระยะมั้ย รวมถึงมะเร็งในผู้หญิงอย่างมะเร็งปากมดลูกกับมะเร็งเต้านมว่าคุ้มครองด้วยมั้ย

หลังจากนั้นทรายก็จะมาคำนวณวงเงินที่คุ้มครองว่าคุ้มหรือไม่ อย่างเช่นถ้าหากทรายเป็นมะเร็งแล้วไม่มีประกัน แต่อยากจะรักษากับโรงพยาบาลเอกชนเพราะมีวิธีการรักษาที่ครบครันกว่า อุ่นใจมากกว่า ถ้าลองคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับ worst case แค่ค่าคีโมคอร์สเดียวก็เกือบ 700,000 บาทแล้ว แถมในอนาคตเราไม่รู้เลยว่า ราคาค่ารักษาจะแพงกว่านี้ได้มากอีกเท่าไหร่ ก็จะเลือกเปรียบเทียบประกันสุขภาพที่วงเงินคุ้มครองสูง ๆ ไว้ก่อนแบบที่ไม่ต้องควักเงินจ่ายเองบางส่วนไปเลยจะได้หมดห่วง

Q: ทำไมถึงเลือกซื้อประกัน Elite Health?

A: ตอนแรกที่หาประกัน Elite Health ของเมืองไทยประกันชีวิตเจอ ก็แอบตาลุกค่ะ (ฮา) เพราะว่ามีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำคือ 20 ล้านบาท สูงสุดคือ 100 ล้านบาท คือตรงกับประกันวงเงินสูงที่เราหาแบบชนะขาดเจ้าอื่นไปเลย

แล้วพอมาไล่ดูรายละเอียด ประกัน Elite Health ก็เน้นคุ้มครองการรักษาโรคร้ายแรง อย่างเช่นการจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าผ่าตัดหากต้องนอนในโรงพยาบาลให้ รวมถึงในเคสคีโม ก็จะจ่ายค่าทำคีโม และการรักษาแบบทาร์เก็ตให้ด้วย ทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอกก็คุ้มครองได้หมด ก็เลยรู้สึกว่าประกัน Elite Health ตัวนี้ตรงกับสิ่งที่ทรายมองหามากที่สุดค่ะ ก็เลยเลือกซื้อประกันแผน 2 ไป

Q: เห็นว่าประกัน Elite Health เค้ามีหลายแผน ทำไมถึงเลือกแผนนี้?

A: จริง ๆ อยากจะเลือกแผนที่สูงกว่านี้ เพราะเห็นว่ามีความคุ้มครองอื่น ๆ ที่ก็น่าสนใจ แต่พอเทียบเรื่องเบี้ยประกันแล้วก็แอบจ่ายไม่ไหวค่ะ ค่อนข้างราคาสูงเอาเรื่องเมื่อเทียบกับประกันตัวอื่น ๆ ก็เลยกลับมาดูถึงความสำคัญในการซื้อประกันสุขภาพที่เราคิดไว้แต่ต้น ว่าถ้าหากประกันแผนนั้น ๆ โดยพื้นฐานคือคุ้มครองโรคร้ายแรงให้แบบได้วงเงินสูง ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ซึ่งประกัน Elite Health ก็คุ้มครองในลักษณะนี้กับทุกแผน

ตอนแรกก็ว่าจะเลือกแผน 1 ที่โอเคอยู่แล้วโดยมีค่าเบี้ยถูกลงมาหน่อย แต่คิดไปคิดมา ทรายอยากให้คุ้มครองเวลาต้องไปหาหมอเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ละครั้งด้วย เพราะเราทำงานหนัก ถ้าอายุเยอะกว่านี้ก็น่าจะป่วยบ่อยกว่านี้ ก็เลยเลือกประกัน Elite Health ของเมืองไทยเป็นแผน 2 จ่ายค่าเบื้ย 30,000 บาทนิด ๆ แต่คุ้มครองเพิ่มค่าไปหาหมอและค่ายาสำหรับผู้ป่วยนอกได้ 2,500 บาทต่อครั้ง เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ

Q: เคยได้ลองเคลมจริงดูบ้างแล้วรึยัง เป็นยังไงบ้าง?

A: ตอนนี้ที่ได้เคลมก็จะเป็นแค่อาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเดือนที่แล้วก็ไปหาหมอเพราะแสบจมูกจากฝุ่น PM 2.5 เวลาที่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวัน จากประสบการณ์การเคลม ประกันตัวนี้ ก็จ่ายให้เลยตามค่ารักษาที่มีแบบไม่ติดเงื่อนไขหยุมหยิม ก็สบายใจดีค่ะ ส่วนถ้าหากเป็นมะเร็งหรือโรคร้ายแรงแล้วจะเคลมได้จริง ๆ มั้ยต้องรอดู แต่ขออย่าให้เป็นเลยจะดีกว่า

Q: คิดว่าประกันตัวนี้มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง?

A: จากประสบการณ์ที่ใช้มา ก็ยังไม่คิดว่ามีจุดอ่อนตรงไหนที่ต้องกังวลตอนนี้นะคะ แต่แค่คิดว่าตัวประกันที่ใช่จะขึ้นกับความต้องการของแต่ละคนมากกว่า อย่างถ้าหากคนอื่นจะซื้อประกันแบบหวังจะให้ครอบคลุมทุกอย่าง ถ้าซื้อ Elite Health แผน 1 ก็อาจจะต้องจ่ายค่ารักษาเวลาเจ็บป่วยเบา ๆ เอง ถ้าเงินถึง ซื้อประกันแผนสูงกว่านั้นก็จะจ่ายค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยนอกได้มากยิ่งขึ้นค่ะ ก่อนที่จะซื้อประกันก็ต้องเช็คให้ดี ๆ ค่ะว่ามันตรงกับความต้องการของเรามั้ย เรื่องนี้สำคัญที่สุดค่ะ

ทางเว็บไซต์รีวิวประกัน ขอขอบคุณคุณทรายที่มาเล่าประสบการณ์การเลือกซื้อประกัน Elite Health จากเมืองไทยประกันชีวิตให้พวกเราได้ฟังกัน ทางทีมงานหวังว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพของทุกคน และหากคุณอยากอ่านรีวิวประกันดีๆตัวอื่นๆจากลูกค้าที่ใช้จริง ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ที่เว็บไซต์ของเราได้เลย