remove_red_eye14.8K Views

ระยะเวลารอคอยคืออะไร?

โพสต์วันที่ 20/04/2020
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ พี่เรนนี่ก็แอบใจชื้นที่มีหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับการซื้อประกันสุขภาพกันมากขึ้น แต่ตอนที่ซื้อประกันโควิด-19 หลายๆคนก็น่าจะสังเกตเห็นว่าพอซื้อประกันไปปุ๊บ ใช่ว่าน้องจะเคลมประกันได้ทันทีเลยนะคะ แต่บริษัทประกันจะกำหนดไว้ว่าจะต้องมี “ระยะเวลารอคอย” (Waiting Period) เอาไว้

ยัง! อย่าเพิ่งหัวร้อนใจร้อนกันตอนนี้ พี่เรนนี่เข้าใจนะว่ากว่าจะเลือกประกันได้สักตัว ก็ต้องศึกษาแผนประกัน แบบอ่านแล้วอ่านอีก หลายคนก็เริ่มของขึ้น...ซื้อประกันแล้วยังต้องรอคุ้มครองอีกหรอ? ใจเย็นๆกันก่อนนะทุกคน ความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของประกันแบบนี้มันมีที่มาที่ไปที่ฟังแล้วก็เมคเซ้นส์อยู่นะเออ ถ้าอยากรู้ว่า “ระยะเวลารอคอย” คืออะไร? มีไว้ทำไม? มาจ้ะเดี๋ยวพี่เรนนี่จะอธิบายให้ฟัง


ระยะเวลารอคอย คืออะไร? ความคุ้มครองเริ่มที่ตรงไหน?

ในภาษาประกัน “ระยะเวลารอคอย” (Waiting Period) คือ ระยะเวลาที่ผู้ซื้อประกันแล้ว แต่ยังเคลมประกันไม่ได้ โดยเริ่มนับให้รอตั้งแต่วันที่บริษัทคุ้มครอง หรือวันที่อนุมัติกรมธรรม์/กรมธรรม์มีผลบังคับ

โดยถ้าดูเป็นไทม์ไลน์ง่ายๆ ในการซื้อประกันไปจนถึงช่วงที่เริ่มคุ้มครอง จะเป็นแบบนี้:

ซึ่งการกำหนดระยะเวลารอคอยจะขึ้นกับแต่ละแผนประกันเลยนะคะ บางตัวก็สามารถคุ้มครองทันทีที่อนุมัติกรมธรรม์ บางตัวก็ต้องมีระยะเวลารอคอยก่อนถึงจะคุ้มครองให้

อย่างเช่นถ้าเราซื้อประกันโควิด-19 ก็มักจะมีระยะเวลารอคอย 14 วัน สมมุติว่าซื้อวันที่ 29 ธ.ค. แล้วกรมธรรม์อนุมัติ/มีผลบังคับวันที่ 1 ม.ค. น้องจะสามารถเคลมประกันได้จริงๆคือตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. เป็นต้นไป แต่ถ้าหากน้องดันเจอแจ๊คพอตตรวจเจอเชื้อโควิด-19 แล้วต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. นั่นหมายความว่า น้องเป็นโรคที่กำหนดก่อนที่จะครบระยะเวลารอคอย 14 วัน แบบนี้คือโชคร้ายสุดๆ เพราะประกันจะไม่จ่ายนะจ๊ะ ซึ่งในเคสแบบนี้บริษัทจะคืนเบี้ยที่เราจ่ายไปแล้วให้ด้วย


ทำไมต้องมีระยะเวลารอคอย?

ตามจริงแล้วบริษัทประกันมีเงื่อนไขให้คนที่จะทำประกันได้ต้องมีสุขภาพดี ถ้าหากมีโรคอะไรก็ให้แจ้งกับบริษัทตั้งแต่ต้น โดยจะมีผลกับการพิจารณารับประกัน ซึ่งก็แล้วแต่ข้อกำหนดของประกันนั้นๆว่าจะมีข้อยกเว้นบางโรค หรือสามารถกำหนดให้รับประกันแต่เพิ่มเบี้ยประกันได้หรือไม่ 

ซึ่งวิธีการที่บริษัทประกันให้เรายืนยันว่าสุขภาพดีก็คือให้ไปตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน แต่ในบางแบบประกันจะใช้การกำหนดระยะเวลารอคอยแทนการตรวจสุขภาพ หรือใช้ทั้งสองอย่างไปเลย ดังนั้นหากเราสุขภาพดีจริงก็ไม่น่าจะไปเบิกเคลมก่อนสิ้นสุดระยะเวลารอคอยอะเนอะ (ยกเว้นว่าเจอแจ็คพอร์ต...น้ำตาไหลล) 

เอาจริงๆ พี่เรนนี่ก็ไม่ค่อยชอบรอนะเพราะก็จ่ายตังไปแล้วทำไมต้องรออีก แต่ถ้าไม่มีระยะเวลารอคอยแล้วคนป่วยสามารถมาซื้อประกันในราคาเบาๆแล้วเคลมกันหนักๆทันทีทันใด บริษัทประกันคงจะเจ๊งกันระนาว, เบี้ยคงจะแพงหนักกว่านี้อีก, หรืออย่างเลวร้ายสุดก็คือไม่มีบริษัทไหนรับประกันสุขภาพอีกเลย (ม่ายยย พี่เรนนี่จะเอาเงินเก็บไปเที่ยวรอบโลก ไม่ใช่มาจ่ายค่าหมออ)

ดังนั้น ถ้าให้พูดสรุปง่ายๆก็คือ บริษัทประกันต้องการ “รอ” ดูว่าเรา “ป่วย” เป็นโรค “ก่อนทำประกัน” หรือไม่นั่นเองค่ะ และโดยทั่วไปประกันก็จะมีระยะเวลารอคอยตั้งแต่ 30 - 120 วัน แล้วแต่โรคและข้อกำหนดของตัวประกันนั้นๆ


อะไรบ้างที่มีระยะเวลารอคอย?"

จริงๆก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับระยะเวลารอคอยตามแต่ละประกันจะกำหนดนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มักจะมีระยะเวลารอคอยมาตรฐานอยู่ เป็นประมาณนี้:
  • ประกันสุขภาพ: ระยะรอคอยอาจแบ่งได้ เป็น 2 แบบคือ
    •    รอคอย 120 วัน สำหรับ:
      • เนื้องอก ถุงน้ำดี หรือมะเร็งทุกชนิด
      • การตัดทอนซิลหรืออดีนอยด์
      • นิ่วทุกชนิด
      • เส้นเลือดขอดที่ขา
      • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
      • ต้อเนื้อหรือต้อกระจก
      • ไส้เลื่อนทุกชนิด
      • ริดสีดวงทวาร
    •    รอคอย 30 วัน: สำหรับโรคทั่วไปที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ทั้ง IPD (ผู้ป่วยในที่แอดมิทในโรงพยาบาล) และ OPD (ผู้ป่วยนอกที่รับยาแล้วกลับบ้าน)

  • ประกันโรคร้ายแรง: มักจะระบุว่ามีระยะรอคอยประมาณ 90 วัน สำหรับโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
  • แสดงว่าต้องรอทุกโรคเลยหรอ?: ก็ไม่จำเป็นนะคะ จริงๆจะแล้วแต่ประกันกำหนด จึงควรต้องอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ให้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าหากประกันตัวนั้นครอบคลุมการรักษาที่เกิดมาจากอุบัติเหตุ (หรือพูดง่ายๆก็คือมีประกันอุบัติเหตุด้วย) ก็จะคุ้มครองอุบัติเหตุทันทีหลังกรมธรรม์มีผลบังคับ โดยไม่ต้องมีระยะเวลารอคอยค่ะ

รู้แบบนี้แล้ว เวลาซื้อประกันก็คงโล่งใจไปได้หนึ่งเปลาะ ว่าเรารับรู้และเข้าใจเงื่อนไขของประกันตรงนี้แล้ว ไม่ไปแพนิคอีกเอาทีหลังตอนเบิกไม่ได้ โดยประเด็นระยะเวลาการรอคอยก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขประกันอีกนับสิบๆอย่างที่พี่รู้ว่าน้องไม่เข้าใจ (55+) ยังไงวันหลังเดี๋ยวพี่เรนนี่จะเอามาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ และถ้าน้องอยากให้ความรู้เรื่องประกันไม่ใช่ศาสตร์ลึกลับอีกต่อไป ก็ติดตามบทความตอนหน้าของพี่เรนนี่ที่เว็บไซต์รีวิวประกันได้เลยนะคะ


เกี่ยวกับผู้เขียน
พี่เรนนี่
สาวโสดสุดเฉี่ยววัย 38 ปี ผู้เป็นตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง Work hard play harder จบปริญญาโทสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศ และทำงานสายประกันมานานจนใครๆก็ต่างยกให้พี่เรนนี่ เป็นกูเกิ้ลสำหรับประกันไปเลย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

แนะนำสำหรับคุณ

ประกันที่ใกล้เคียง

Loading...
Loading...
Loading...
รอสักครู่