remove_red_eye1.9K Views

อยู่บ้านก็ติดโควิดได้

โพสต์วันที่ 29/04/2020
ตั้งแต่มีเรื่อง covid-19 พี่เรนนี่ก็มีคำถามตลอดๆว่า คนที่ติด covid ไปแล้วเค้ามีชีวิตยังไงต่อว้า คือรัฐฯก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรให้เคลียๆเนอะ เราก็ทำได้แค่ panic ฉีดแอลกอฮอลไปวันๆ จนกระทั่งเพื่อนพี่เรนนี่ผู้ที่ห่างไกลจากความเสี่ยงสองแสนไมล์ทะเล ติดโควิด-19 ค่ะ!! พอรู้ข่าวพี่นี่ยิ่ง panic ไปใหญ่เลย ทำไมนางติดได้นะ? พี่เลยต้องขอสืบหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะเรียกเพื่อนพี่ว่า PP นะ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ. อยู่เลยจ้า



พี่เรนนี่ : เม้ามาค่ะว่าไปติดมาได้ยังไงกัน
PP           : แกรรรร คือเราปิดร้านเราให้พนักงานอยู่บ้านมาเป็น 10 วันแล้วอะ เราไม่อยากให้ลูกค้าและพนักงานต้องเสี่ยงในการแพร่เชื้อ-รับเชื้อ ก็คืองงเหมือนกันว่าติดยังไง แต่ก็พอเดาได้แหละว่าน่าเพราะมีคนในบ้านยังออกไปข้างนอกอยู่ คือเราอยู่บ้านกับพ่อ-แม่แล้วก็น้องสาว ด้วยเนื้องานแล้วน้องเราเค้ายังต้องไปออฟฟิศอยู่ นั่งรถ BTS ไปกลับทุกวัน แล้วยังต้องไปดูไซท์งานต่างๆด้วย (งานเค้าอะเนอะ)

พี่เรนนี่ : เฮ้ยยย แล้วเค้าป้องกันไม่ดีหรอ หรือยังไง
PP           :   ป้องกันเต็มที่แล้วแก แต่เราว่าอีกเรื่องที่คนต้องคำนึงถึงคือการทำ social distancing ในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่ยังมีคนออกนอกบ้านเป็นประจำอยู่ ตอนนั้นเราก็ยังคิดไม่ได้ไง คนยังไม่ได้รณรงค์เรื่องนี้ ก็ทำตัวปกติ เดินเข้าบ้านก็ถอดหน้ากากทุกอย่างมันก็แพร่กันในบ้านนั่นแหละ

พี่เรนนี่ : แล้วมันต้องทำไงวะแก
PP           :   เราเล่าจากประสบการณ์เรานะ พอเรารู้สึกว่าอาจจะติด covid-19 แล้ว เราก็บอกที่บ้านให้แยกจานชาม ช้อนส้อม เป็นของใครของมัน ล้างเอง เก็บไว้ในที่ของตัวเอง กินข้าวแบบที่เป็นจานเดี่ยว แล้วก็มีตารางกินข้าว เช่น เราจะลงมากินข้าวตอน 11 โมง กินเสร็จก็ขึ้นห้อง แล้วเที่ยงพ่อกับแม่จะลงมากินแล้วเข้าห้องตัวเอง อะไรแบบนี้ จริงๆก็คือทำทุกอย่างที่ทำตอนเราออกไปข้างนอก เราใส่ผ้าปิดปากตลอดเวลา และล้างมือบ่อยๆ มันก็ช่วยให้เชื้อไม่ไปติดสามีกับพ่อแม่เรานะ ลองเอาไปใช้กันดู

พี่เรนนี่ : อืมมม น่าสนใจ แล้วตอนนั้นแกรู้ตัวได้ไงว่าน่าจะติดแล้วอะ
PP           :   คือเราท้องอยู่นะทุกคน แล้วพอเป็นคนท้องมันจะแพนิคๆหน่อย จะระวังจนเกือบระแวงอะ เราก็สังเกตุอาการน้อง เห็นว่ามันแปลกๆเริ่มมีอาการ เจ็บคอ คัดจมูก แต่คือเดิมเขาเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วเลยไม่แน่ใจว่าเป็นแค่อาการของภูมิแพ้ธรรมดาหรือเปล่า พอผ่านไปสามวัน เราเองก็เริ่มมีอาการเดียวกัน เริ่มระคายคอ เริ่มรู้สึกไม่สบายตัว คัดจมูกแต่ไม่มีน้ำมูกไหล ที่เห็นได้ชัดคืออาการแพ้ท้องที่ใกล้จะหมดแล้วกำเริบขึ้นมา จากเดิมอาเจียนบ้างวันละครั้งแต่วันนั้นคือ 3 รอบ เราเลยวัดไข้ด้วยปรอทวัดไข้อ่านได้ 38 องศา เราคิดกับสามีว่าไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็คงต้องไปหาหมอละหละ

 


พี่เรนนี่ : เล่าให้ฟังตอนไปตรวจหน่อย
PP           : เราไปโรงพยาบาลเอกชนที่ฝากท้องไว้ คุณหมอให้ตรวจไข้หวัดใหญ่ก่อน เพราะว่าเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ก็ตรวจทั้งสายพันธุ์ Aและสายพันธุ์ B ….. ไม่เจอจ้า หมอเลยให้ตรวจโควิด-19 ซึ่งต้องรอผลนาน หมอให้กลับบ้านไปฟังผล โชคดีที่มีทำประกันไว้ตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้วตอนโหมงานหนักแล้วร่างกายแย่มาก ค่าตรวจสายพันธุ์ Aและสายพันธุ์ B ประกันจ่ายครบ แต่ covid-19 เค้าให้ออกไปก่อนแล้วค่อยเบิกทีหลัง โดนไป 5,050 บาท

พี่เรนนี่ : ได้ข่าวว่าน้องของ PP ก็ติด
PP           : ช่ายยยย น้องเราหนักเลย ไม่ได้เอะใจอะไร ได้ไปตรวจ covid-19 จริงๆคือตอนรู้ผลตรวจของเราแล้ว น้องมีแต่ประกันกลุ่มของบริษัทด้วย คิดๆแล้วค่ารักษาถ้าเข้าโรงพยาบาลเอกชนก็คงจะไม่พอ เลยตัดสินใจใช้ประกันสังคม โดยไปตรวจที่สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองเพื่อความสะดวก ซึ่งตรวจอย่างเดียวไม่ได้มีขั้นตอนต่อให้ว่ามีเชื้อแล้วยังไงต่อ มหากาพย์มากกกก

พี่เรนนี่ : มหากาพย์ยังไงเล่ามาให้หมด
PP           : คืองี้ เรื่องนี้ทำเราหัวเสียมาก แล้วรู้เลยว่าคนมีตังกับคนไม่มีตังนี่ โค-ตะ-ระ จะต่างกันเลย อย่างเรานี่ก็ไม่ได้มีตัง 555 แต่มีประกันใช่มะ ทำทุนไว้ 10 ล้าน ซึ่งก็เสมือนว่ามีคนจ่ายให้ 10 ล้านอะ ไปโรงพยาบาลเอกชนได้ไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่าย วันที่โรงพยาบาลโทรมาแจ้งผล covid-19 คือดึกแล้วอะประมาณทุ่มนึง แล้ววันถัดมารถพยาบาลมารับเลยตอน 11 โมง เจ้าหน้าที่แต่งตัวเต็มยศด้วยชุด PPE เราก็ได้นอนในเตียงที่เป็นอุโมงค์และถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลไป ป้องกันแน่นหนาทำงานรวดเร็วมาก เร็วจนเราตั้งตัวไม่ทันเลย
ต่างกับน้องเรามาก พอน้องได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ ไม่ได้มีใครประสานงานต่อว่าจะต้องไปรักษาที่ไหนทำยังไงต่อ พอลองติดต่อรพ. ตามสิทธิประกันสังคมของน้อง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสิทธิเต็มแล้วให้นอนอยู่บ้านไปก่อนนะ….ห๊ะ! อะไรนะ!

                  น้องเรารอไปจ้า 3 วันยังเงียบๆอยู่ แต่เริ่มหายใจลำบากและเหนื่อยง่าย อาการแย่มากแล้วอะ เรากังวลเลยโทรไป รพ. แม่ข่าย…ก็คือเต็มเหมือนกัน เราโทรร้องเรียนศูนย์โควิดด้วย ติดต่อประสานงานกับหลายที่มาก ผ่านไปอีก 3 วันเลยมาได้โรงพยาบาลในเขตแถวบ้านที่ยอมรับเคสน้องเรา ปาดเหงื่อมากจ้าเกือบต้องกินยาไมเกรนเพิ่ม นึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ได้ตามจิกขนาดนี้จะต้องรออีกนานแค่ไหน

                  ตอนโรงพยาบาลมารับน้องเราก็ใช้รถตู้ธรรมดาแล้วให้น้องเดินขึ้นไปเฉยๆเลยไม่ได้มีเครื่องมืออะไร น้องนอนรักษาในวอร์ดรวมของ รพ. สำหรับคนติดโควิดทั้งหมด และเพื่อนร่วมห้องไอเยอะมาก!! กลายเป็นน้องเราคือคนที่ดูมีอาการน้อยที่สุด ก็ยังกลัวว่าจากเป็นน้อยจะเป็นเยอะขึ้นไหมแต่หมอก็ให้ข้อมูลว่ามันจะไม่ติดเยอะไปกว่านี้แล้ว ถ้ากินยาแล้วมีภูมิจะไม่มีเป็นเยอะขึ้นหรือเป็นซ้ำ เราก็เบาใจขึ้น



พี่เรนนี่ : แล้วเค้าให้กินยาอะไรบ้างอะ ได้ข่าวว่ากินกันเป็นกำๆ
PP           : ก็ประมาณนั้น ในส่วนของการรักษาสิ่งที่เค้าจะเช็คอันดับแรกคือปอด จะโดน x-ray แต่เคสเราทำไม่ได้เพราะท้องอยู่เลยใข้วิธีฟังเสียงปอดเอา โขคดีที่ไม่ลงปอด หมอบอกว่าการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ พวกยาแก้ไอ, ยาละลายเสมหะและยาแก้คัดจมูก แต่ที่ทุกคนจะได้เหมือนกันหมดคือยาต้านไวรัสไม่ว่าจะโรงบาลรัฐฯหรือเอกชน เราได้เลยตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปและบังคับกิน 5 วันติด

พี่เรนนี่ : ยามีผลข้างเคียงยังไงบ้าง
PP           : ไข้ต่ำ มึนศรีษะ คลื่นไส้ ถ่ายเหลว

พี่เรนนี่ : อาการเป็นไงบ้างตอนนี้
PP           : อยู่โรงพยาบาลมา 10 วันแล้ว จมูกยังรับกลิ่นไม่ได้ 100% ได้กลิ่นบ้างแต่ยังจางๆอยู่ ลิ้นก็เหมือนกัน ตอนนี้จะกินอะไรต้องปรุงจัดๆถึงจะรู้รส ซึ่งคุณหมอก็บอกว่ามันเป็นอาการปกติมันจะค่อยๆดีขึ้น

พี่เรนนี่ : ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานมั้ย
PP           : หมอบอกว่าเชื้อไวรัสจะอยู่ในร่างกายแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคน 14 วัน บางคน 21 วัน หมอเลยให้อยู่อย่างน้อย 14 วันก่อน แล้วจะตรวจซ้ำว่ายังมีเชื้ออยู่ไหม ถ้ายังเจอเชื้อก็ต้องรักษาตามอาการต่อแล้วค่อยตรวจเชื้อใหม่วันที่ 21 ถ้าตรวจไม่พบเชื้อแล้วนั่นแหละถึงจะได้ออกจาก รพ.




พี่เรนนี่ : แล้วงี้ลูกแกได้ผลกระทบมั้ยอะ น้องสบายดีมั้ย
PP           : วันที่เริ่มเป็นโควิดคือตอนที่ท้อง 16 สัปดาห์ ที่สังเกตตอนนี้ลูกก็ยังขยับตัวปกติ คุณหมอยืนยันว่าโควิดไม่มีผลกับลูก แต่ก็ต้องให้ลูกคลอดออกมาก่อนแล้วถึงจะตรวจหาเชื้อเหมือนที่เราตรวจกันนี่แหละ แต่เราก็อ่านกรณีศึกษาของคนท้องที่เป็นโควิดจากอู่ฮั่นนะผลคือบางส่วนคลอดก่อนกำหนดแต่ทารกไม่ได้ติดเชื้อ แต่จะมีบ้างบางรายที่ติดเชื้อจากการให้นมของแม่ มันก็ทำให้เราก็เบาใจไปเปราะหนึ่งว่าตอนนี้น้องโอเค

 

พี่เรนนี่ : ถามจริงค่ารักษาแพงมั้ยวะ
PP        : ตั้งแต่เข้า รพ.มาเนี่ย มีเจ้าหน้าที่จากรพ.มาวางบิลค่าบริการของ3 วันแรก อยู่ที่ประมาณ 48,000 บาท ซึ่งเคลมประกันได้ทั้งหมด ซึ่งจะเคลียกับการเงินทีเดียวตอนออกจากโรงพยาบาล แค่มาวางบิลให้รู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆเฉยๆ ซึ่งถ้าให้เดาตอนออกจากรพ. ค่ารักษาก็น่าจะหลายแสนอยู่
               อย่างแฟนเราพอรู้ว่าเราติด covid-19 ก็ไปตรวจเหมือนกันแล้วไม่เจอ แต่เพราะเป็นคนใกล้ชิดมาก หมอเลยให้นอนโรงพยาบาลอีกประมาณ 1สัปดาห์เพื่อตรวจซ้ำครั้งที่ 2 โชคดีมากที่ไม่ติด ค่าใช้จ่ายรวมๆของแฟนอยู่ที่ 80,000 กว่าบาท ซึ่งเคลมประกันได้หมดเหมือนกัน




จากเหตุการณ์นี้ PP มีข้อคิดที่ตกผลึกได้ตอนนั่งๆนอนๆอยู่ในโรงพยาบาล 4 ข้อ
1. ปรอทวัดไข้ตรงสุด
เครื่องแสกนไข้ตามที่ต่างๆ อาจจะวัดไม่ได้จริง เพราะเครื่องที่หน้าโรงพยาบาลตอนวันตรวจวัดได้ 36.5 องศาซึ่งปกติ แต่พอเข้าไปตรวจร่างกายใช้ปรอทวัดไข้ได้อุณหภูมิ 38 องศานะจ๊ะ

2. ทำ social distancing ในบ้านนะทุกคน!
อยากให้ทุกคนช่วยกัน ถ้าสงสัยว่าตัวเองติด covid-19 สิ่งที่ต้องทำคือกักตัว ระมัดระวังตัวเองที่จะไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นแล้วไปตรวจให้ชัดเจน สำคัญเลยคือต้องมีสติ PP ทำ social distancing ในบ้านหลังจากสงสัยว่าตัวเองไม่สบาย ทั้งแยกของใช้ส่วนตัว ไม่กินข้าวร่วมกัน ลด/งดใช้พื้นที่ส่วนกลางในบ้าน ใส่หน้ากาก และล้างมือบ่อยๆ ซึ่ง PP เชื่อว่าส่งผลให้เชื้อไม่แพร่ไปที่ พ่อ-แม่ ที่อยู่บ้านเดียวกัน

3. เป็นกำลังใจให้กันและกัน
เอาจริงๆเรายังไม่รู้สาเหตุนะว่าน้องสาวเราติดมาจากไหน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ต้องสืบสวนแล้วโยนความผิดให้ใคร เราควรให้กำลังใจและช่วยเหลือกัน อย่างที่หมู่บ้านเราตอนแรกที่รถพยาบาลมารับบอกตรงๆว่าเราก็กลัวว่าจะถูกเพื่อนบ้านรังเกียจแต่กลายเป็นว่าพวกเขามีความเข้าใจเป็นอย่างดีแถมยังอาสาช่วยซื้อของจำเป็นมาแขวนไว้หน้าบ้านตอนพ่อแม่เราต้องกักตัวอยู่บ้านกัน 2 คนอีก สังคมไทยยังมีความน่ารักอยู่ ทุกคนสามารถช่วยเหลือเอื้อเฟื้อต่อกันเท่าที่เราจะช่วยได้

4. หาตัวช่วยในยามฉุกเฉิน
ตอนนี้สิ่งแรกที่คิดจะทำหลังออกจาก รพ. คือ รีบทำประกันให้น้องสาวและเตรียมทำประกันให้ลูกของ PP ก่อนเลย
PP รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ซื้อประกันสุขภาพไว้เพราะถึงแม้จะป่วยแต่ก็ไม่เป็นภาระหรือเดือดร้อนใคร ถ้าเกิดวันนั้นไม่ได้ทำประกันไว้แล้วมาเจอเหตุการณ์แบบวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อเพราะ
  • PP ก็ท้องด้วยจะให้ไปใช้สิทธ์ประกันสังคมแบบน้องสาวคงลำบากมากเพราะอาการของคนท้องที่ป่วยโควิดมันเยอะกว่าคนปกติไง ทั้งคลื่นไส้ อาเจียน หิวบ่อย ท้องผูก ถ้าจะให้รักษารพ.เอกชนโดยไม่มีประกันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าค่าใช้จ่ายมันจะบานปลายขนาดไหน
  • PP ทำธุรกิจเอง หลายคนโดนผลกระทบยอดหาย หรือต้องปิดกิจการกันไป ถ้าเกิดประกันก็ไม่มี รายได้ก็หายแล้วยังมีรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลเบอร์นี้ คงจะเครียดมาก คิดไม่ตกแน่ๆ

พี่เรนนี่หวังว่าประสบการณ์การติดโควิดของเพื่อนพี่เรนนี่คนนี้จะตอบคำถามน้องๆหลายคนได้ รวมทั้งเห็นภาพกันมากยิ่งขึ้นว่าประกันที่บ่นกันยิกๆเวลาจ่ายเบี้ยเนี้ยมันช่วยอะไรเราได้บ้างในวันที่ชีวิตเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน เพราะงั้นใครที่ยังไม่ติดโควิด มีสุขภาพร่างกายดีอยู่ นี่คือโอกาสดีที่น้องจะเริ่มหาประกันให้กับตัวเองได้แล้วล่ะ ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากไหน ก็นี่ไง  
https://reviewprakan.com
เกี่ยวกับผู้เขียน
พี่เรนนี่
สาวโสดสุดเฉี่ยววัย 38 ปี ผู้เป็นตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง Work hard play harder จบปริญญาโทสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศ และทำงานสายประกันมานานจนใครๆก็ต่างยกให้พี่เรนนี่ เป็นกูเกิ้ลสำหรับประกันไปเลย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

แนะนำสำหรับคุณ

ประกันที่ใกล้เคียง

Loading...
Loading...
Loading...
รอสักครู่