รักษาออฟฟิศซินโดรมแบบไม่เข้าเนื้อ - ประกันชมรมคนรักงาน

ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัทที่คิดว่าสวัสดิการด้านสุขภาพที่ออฟฟิศจัดหามาให้ยังดีไม่พอ เวลาเจ็บป่วยอะไรก็ต้องควักเนื้อตัวเองจ่ายทุกที ประหนึ่งว่าทำงานมาเท่าไหร่ก็เอามาลงกับค่ารักษาหมด หากเป็นแบบนี้ คุณอาจจะสนใจแผนประกันเสริมจากประกันที่มีอยู่ ที่มีชื่อว่าประกันสุขภาพ Top-up จากเมืองไทยประกันชีวิตนะคะ

ประกันตัวนี้จะมีแผนประกันพี่น้องที่เรียกได้ว่าคลอดตามกันมาจากเมืองไทยประกันชีวิตอีกตัวนึงชื่อว่า Extra Care Plus เป็นประกันสุขภาพที่เข้ามาต่อยอดจากสวัสดิการหรือประกันที่มีอยู่แบบไม่ทับซ้อนความคุ้มครองที่มีอยู่เดิม เพียงคุณจ่ายเพิ่มในราคาไม่แพงด้วยค่าเบี้ยหลักไม่เกินหมื่นต้น ๆ สำหรับวัยทำงาน ก็ได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน และช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินสิทธิ์ของประกันเดิมได้ โดยสมัครได้ตั้งแต่อายุ 18-70 ปี และสามารถคุ้มครองต่อได้ถึงอายุ 81 ปีเลยทีเดียว 

ประกันสุขภาพ Top-up กับ Extra Care Plus นั้นมีลักษณะการให้ความคุ้มครองเหมือนกัน แต่จะต่างกันตรงที่ ประกันสุขภาพ Top-up จะเป็นแพ็คเกจที่รวมเอาประกันชีวิตเข้ามาในราคาแล้ว (ความคุ้มครองชีวิต 50,000 บาท) มีตัวเลือกค่าห้อง 2000 และ 4000 บาท และค่ารักษาพยาบาลสูงสุด  200,000 บาท ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ในขณะที่ Extra Care Plus จะขายผ่านตัวแทน มีค่าห้องสูงสุดถึง 8,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 400,000 บาท และยังไม่ได้รวมค่าความคุ้มครองชีวิตที่จะต้องซื้อคู่กันกับความคุ้มครองสุขภาพด้วย

ถือเป็นอีกหนึ่งประกันสุขภาพเสริมในกรณีรักษาผู้ป่วยในที่น่าสนใจเช่นกันนะคะ หากอยากรู้ว่าประกันซีรี่ส์นี้จากเมืองไทยประกันชีวิตตัวนี้จะเข้ามาช่วยตัดปัญหาค่าใช้จ่ายจุกจิกที่ต้องจ่ายเองได้จริงหรือเปล่า งั้นลองไปดูบทสัมภาษณ์โดยทีมงานรีวิวประกันกับคุณน้ำ พนักงานออฟฟิศวัย 40 ปี ผู้ผ่านประสบการณ์การเคลมค่าใช้จ่ายผ่าตัดหมอนรองกระดูกจากอาการออฟฟิศซินโดรมกับประกัน Extra Care Plus กันดีกว่าค่ะ

Q: เห็นว่าคุณน้ำทำงานออฟฟิศ ที่ทำงานมีสวัสดิการอะไรให้บ้างคะ?
A: จริง ๆ บริษัทที่น้ำอยู่เป็นบริษัทขนาดกลาง ๆ สนิทกับทุกคนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน และมีสวัสดิการให้พอตัวแบบดูไม่น่าเกลียดเกิน แบบถ้าต้องเคลมค่ารักษาพยาบาลจริง ๆ ก็ไม่น่าจะพอ อย่างประกันกลุ่มที่ HR ทำไว้ให้ก็ได้แค่ค่าห้องกับค่าอาหารคืนละ 1,500 บาท และเบิกค่ารักษาพยาบาลอื่นๆสูงสุดได้แค่ 150,000 บาท ส่วนค่าหมอและค่ายาสำหรับผู้ป่วยนอกก็ให้แค่ครั้งละ 1,000 บาทเท่านั้น ทำให้ถ้าเจ็บป่วยก็ต้องควักเงินจ่ายเองบางส่วนอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่เวลาป่วยส่วนใหญ่ก็รู้ตัวเลยว่ามักป่วยเพราะเราโหมทำงานมากเกินไป จริง ๆ ก็อยากย้ายที่ทำงานไปที่ที่มีสวัสดิการดีกว่านี้นะคะ เพราะเราเองก็เริ่มอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว เริ่มห่วงเรื่องสุขภาพตัวเองมากขึ้น แต่ก็ทำงานอยู่ที่นี่จนผูกพัน ไม่ค่อยอยาก ย้ายไปที่ใหม่เพื่อทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ เท่าไหร่แล้ว


Q: ก็เลยมองหาประกันเสริม? สิ่งไหนสำคัญที่สุดเวลามองหาประกันสำหรับคุณน้ำคะ?
A: ใช่ค่ะ พอรู้สึกว่ายิ่งเราอายุมากขึ้น โอกาสจะเจ็บป่วยแบบต้องเข้าโรงพยาบาลก็มากขึ้นตามไปด้วย ก็เลยมองหาประกันสุขภาพเสริมจากสิ่งที่เรามี

น้ำเริ่มมองหาประกันสุขภาพโดยตั้งต้นจากสิ่งที่เรากลัวจะเป็นมากที่สุด ก็คือพวกโรคออฟฟิศซินโดรมแบบรุนแรง อย่างเช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนิ่ว โรคกระดูก โรคพวกนี้มันลิงค์กันกับการทำงานในออฟฟิศหมดเลย

หลังจากนั้น เราก็ชั่งน้ำหนักเรื่องเบี้ยประกันกับความคุ้มครอง โดยที่น้ำไม่ได้อยากได้ความคุ้มครองแบบ full option แต่อยากได้แบบเบี้ยอยู่ในงบ สามารถเคลมค่ารักษาโปะในส่วนที่สวัสดิการออฟฟิศให้ไม่ได้ ก็เพียงพอแล้ว


Q: ตอนที่ไม่รู้จะทำประกันที่ไหนดี ทำไมถึงตกลงใจเลือกประกัน Extra Care Plus?
A: เพราะตัวเรารู้ชัดเจนแล้วว่าเราอยากจะลดความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลหากต้องเข้าโรงพยาบาลมากที่สุด แล้วอยากจะให้ประกันคุ้มครองโรคที่เกี่ยวข้องกับออฟฟิศซินโดรมมากที่สุดแบบที่ยังมีเบี้ยประกันถูก แล้วเสริมประกันเดิมให้เวิร์คแบบไม่ต้องมีเบี้ยถึงหลักล้านก็ได้ ตัวประกัน Extra Care ของเมืองไทยก็ดูจะตรงกับที่คิดไว้มากที่สุด


Q: เห็นว่าประกัน Extra Care Plus ของเมืองไทยฯ มีมากถึง 6 แผน มีวิธีเลือกแผนประกันยังไงบ้างคะ?
A: ใช้วิธีบวกเลขเอาง่าย ๆ เลยค่ะ คือน้ำตั้งใจตั้งแต่แรกไว้ว่า จะจ่ายเบี้ยประกันตรงนี้ไม่เกิน 10,000 บาท แต่อยากได้ความคุ้มครองรวมกับประกันที่มีอยู่ประมาณ 500,000 บาท

โดยประกันของเดิมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สูงสุด 150,000 บาทอยู่แล้ว ก็จะต้องซื้อประกันที่คุ้มครองอีก 350,000 บาทถึงจะถึงยอด ทีนี้ก็มานั่งดูตารางความคุ้มครองเลยว่าแผนไหนคุ้มครองถึง ก็จะมีแผน 5 กับแผน 6 ที่ถึงเกณฑ์

พอเรามาดูรายละเอียดอื่นๆ แผน 6 ของประกัน Extra Care จะต้องจ่ายค่าเบี้ยเกินหมื่นไปนิดหน่อย ส่วนแผน 5 จ่ายประมาณแปดพันปลายๆ ได้ค่าห้องปกติคืนละ 6,000 ก็เพียงพอแล้ว ก็เลยเลือกแผน 5 ที่ตรงกับความต้องการเรามากที่สุดค่ะ


Q: อยากให้เล่าถึงตอนเคลมค่าใช้จ่ายจริง ตอนนั้นคุ้มค่ามั้ยคะ?
A: ตอนนั้นป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเพราะนั่งทำงานผิดท่ามานานค่ะ ตอนแรกเลือกจะไม่ผ่าตัดเพราะกลัวความเสี่ยง ก็เลือกทานยาอยู่พักใหญ่ ๆ พร้อมทำกายภาพบำบัดก็ไม่ดีขึ้น ยังคงปวดจี๊ดลงถึงหน้าแข้งขวาตลอดเวลา สุดท้ายเราก็มองด้วยว่าถ้าต้องทานยาติดกันนาน ๆ แบบนี้ คงไม่ดีกับตับไตแน่ ๆ ก็เลยปรึกษาคุณหมอเพื่อนัดผ่าตัดค่ะ

คุณหมอผ่าตัดให้เราใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง นอนโรงพยาบาลแค่ 2 คืนก็กลับบ้านได้ค่ะ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 370,000 บาท ตอนเคลมก็ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เราแจ้งทางโรงพยาบาลไปว่ามีประกันอยู่สองตัว ของออฟฟิศกับตัว Extra Care Plus ทางนี้ก็จะไปจัดคิวกันเอง โดยประกันออฟฟิศจ่าย 30,000 บาท ส่วน Extra Care Plus จ่ายที่เหลือให้แบบเหมาจ่าย เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มแล้วค่ะ ถือว่าคุ้มมากจริง


Q: แล้วในประกันตัวนี้ มีส่วนไหนที่คิดว่าไม่โอเค หรืออยากให้คุ้มครองเพิ่มบ้างมั้ยคะ?
A: ตอนจะซื้อประกัน Extra Care Plus ก็เอะใจนิดนึง เพราะมีหมายเหตุบอกไว้ว่าค่าเบี้ยจะปรับตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราก็อุ่นใจไม่สุด เพราะถ้าต่ออายุประกันไปจนถึงอายุ 70 ก็มีสิทธิ์ที่ต้องเสียค่าเบี้ยสูงถึงระดับ 20,000 กว่าบาทต่อปี ทำให้ถ้าเบี้ยสูงขนาดนี้ พอเวลาผ่านไปสักพักก็อาจจะต้องเริ่มมองหาประกันตัวใหม่เตรียมไว้สำหรับตอนเกษียณที่คุ้มครองมากกว่า แล้วยกเลิกประกันตัวนี้ตอนที่เกษียณก็น่าจะดีที่สุดค่ะ

ทางเว็บไซต์รีวิวประกัน ขอขอบคุณคุณน้ำที่มาเล่าประสบการณ์การเลือกซื้อประกัน Extra Care Plus จากเมืองไทยประกันชีวิตให้พวกเราได้ฟังกันด้วยนะคะ ทางทีมงานหวังว่า รีวิวประกันตัวนี้จะช่วยให้ พนักงานออฟฟิศหลายคนเลือกประกันที่ตรงใจ เสริมความต้องการที่มีให้ลงตัวได้ด้วยนะคะ และถ้าหากคุณอยากอ่านรีวิวประกันตัวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ที่เว็บไซต์รีวิวประกันได้เลยนะคะ