กู้กรมธรรม์ คืออะไร?

น้องๆทราบไหมว่านอกจากน้องๆ จะสามารถกู้กรมธรรม์เอามาจ่ายค่าเบี้ยประกันได้แล้วนั้น น้องยังสามารถเปลี่ยนกรมธรรม์ที่มีอยู่ในมือ ให้กลายเป็นเงินกู้เอาไว้ใช้ทำอย่างอื่นได้อีกด้วยนะ

เมื่อครั้งที่แล้ว พี่เรนนี่แอบ spoil เอาไว้ในเรื่อง “ทำอย่างไรเมื่อไม่มีเงินจ่ายเบี้ย” ว่าการกู้กรมธรรม์แบบกู้อัตโนมัติช่วยเราจ่ายเบี้ยได้ยังไง... ยังจ้ะ จักรวาลการกู้ประกันยังไม่จบแค่นั้น น้องยังสามารถเอากรมธรรม์ที่นอนนิ่งอยู่ที่บ้าน มาใช้กู้เพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆในช่วงวิกฤติแบบนี้ได้อีกด้วยนะ งั้นเดี๋ยววันนี้ เราจะมาคุยกันอย่างละเอียดเลยว่าการกู้กรมธรรม์จริงๆแล้วมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบดียังไง ถ้าจะกู้ต้องทำยังไงบ้าง

งั้นขอทบทวนความจำต่อจากบทความที่แล้วกันนิดนึงว่า “การกู้กรมธรรม์” คือการนำมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ประกันชีวิตออกมาใช้ก่อนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยความคุ้มครองชีวิตจะยังมีอย่างต่อเนื่องตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ตราบที่เรายังจ่ายเบี้ยประกันตามปกติอยู่ และต้องชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในภายหลัง ซึ่งน้องๆสามารถบริหารเงินได้เอง ชำระคืนเมื่อพร้อม ไม่มีกำหนดชำระเป็นประจำเหมือนกู้กับธนาคาร

ประเภทของการกู้กรมธรรม์

การกู้กรมธรรม์มี 2 แบบ โดยจะมีเงื่อนไขเหมือนกันในส่วนของจำนวนที่กู้ได้, ความคุ้มครองระหว่างกู้, และการจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย ทั้งนี้จะต่างกันตรงจุดมุ่งหมายของการกู้ค่ะ โดยมีประเภทการกู้ ดังนี้:

1. กู้อัตโนมัติ: เป็นการทำกู้ “อัตโนมัติโดยระบบ” เพื่อช่วยจ่ายค่าเบี้ยประกันหากเรามีเหตุให้ไม่สามารถจ่ายได้ ณ ตอนนั้น (หรือบางคนคือลืมจ่ายก็มี) เพื่อให้ความคุ้มครองของเราต่อเนื่องไม่ขาดหาย ซึ่งการกู้ประเภทนี้พี่เรนนี่ได้เกริ่นเอาไว้ในบทความที่แล้วนั่นเอง
2. กู้ตามสิทธิ: เป็นการทำเรื่องกู้จากเจ้าของกรมธรรม์เอง เพื่อนำไปใช้จ่ายตามจุดประสงค์ของผู้กู้ โดยหลายๆคนก็กู้ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล, ไปหมุนธุรกิจ, หรือไปจ่ายค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่นๆ

จะกู้ได้ ต้องเป็นกรมธรรม์แบบไหน?

เห็นแบบนี้ ใช่ว่าทุกกรมธรรม์จะสามารถนำไปกู้ได้นะจ๊ะ โดยกรมธรรม์ที่สามารถทำเรื่องกู้ได้ จะต้องเป็นกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับใช้, ยังไม่ได้ใช้สิทธิใช้เงินสำเร็จหรือขยายเวลาไปแล้ว, และต้องเป็นแบบที่มีมูลค่าเงินสดอย่างแบบสะสมทรัพย์ แบบตลอดชีพ และแบบบำนาญเท่านั้น ดังนั้น ถ้าใครเคยใช้สิทธิ์ขอขยายเวลาประกันหรือนำเอาเงินสำเร็จมาจ่ายเบี้ย จะมาขอกู้จากกรมธรรม์อีกไม่ได้นะจ๊ะ

กู้ได้เท่าไหร่?

จำนวนเงินเป๊ะๆที่เราจะกู้ได้นั้นจะต้องโทรหาบริษัทประกันแล้วให้เค้าเช็คให้ โดยแต่ละวันจำนวนสูงสุดที่กู้ได้จะไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าเรามีหนี้สินติดค้างกับบริษัทด้วยรึเปล่า ทั้งนี้ ถ้าเราอยากกู้เต็มก็ให้เช็คยอดกู้สูงสุดในวันที่จะทำกู้ได้เลย

แต่ถ้าเราอยากรู้คร่าวๆเอง ก็สามารถคำนวนดูได้โดยให้เปิดกรมธรรม์ประกันชีวิตหน้าที่เป็น “ตารางมูลค่ากรมธรรม์ประกันภัย” และคำนวณหา “มูลค่าเวนคืน”  เราจะคำนวนมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ ซึ่งจะเป็นมูลค่าสูงสุดที่เราจะขอกู้ได้ โดยใช้สูตรคำนวณดังนี้:

มูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ = ทุนประกันชีวิต X จำนวนในตารางเวนคืน ณ สิ้นปีที่ต้องการ ต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท

ตัวอย่างก็เช่น สมมุติว่าประกันชีวิตตัวที่น้องทำอยู่ มีทุนประกันเลขกลมๆ 1,000,000 บาท และในสิ้นปีที่ 6 ที่น้องทำประกัน จากตารางเวนคืน ทุนประกันทุก 1,000 บาท จะเวนคืนได้ 186 บาท ดังนั้นถ้าคิดเลขแบบบัญญัติไตรยางค์ซะหน่อย จากทุนประกันทั้งหมด จะเวนคืนได้เท่ากับ

(1,000,000 x 186) / 1,000 = 186,000 บาท

โดยประกันจะกำหนดให้เรากู้ได้คิดเป็นอัตราร้อยละจากมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ในปีนั้นๆตามแต่บริษัทจะกำหนดไว้ ซึ่งโดยมากจะอยู่ที่ 80-90%

จำนวนเงินที่กู้ได้ = 80% X มูลค่าเวนคืนกรมธรรม์

สมมุติจากตัวอย่าง บริษัทให้น้องกู้กรมธรรม์ได้ 80% ฉะนั้น น้องก็จะสามารถกู้ได้เป็นเงินเท่ากับ 186,000 x 80% = 148,800 บาท

มีขั้นตอนการขอกู้ยังไง?

ไม่ยากเลยจ้ะทุกคน ขั้นตอนแรก ก็ให้เราเตรียมเอกสารซึ่งก็ไม่ซับซ้อนมาก โดยประกันส่วนใหญ่จะขอเพียงแค่สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีชื่อผู้เอาประกันภัย, และสำเนาสัญญากู้เงินตามกรมธรรม์ หรือแบบฟอร์มหนังสือขอกู้เงินตามกรมธรรม์

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเตรียมเอกสารเสร็จแล้วก็ส่งให้บริษัทพิจารณาโดยทำได้ทั้งทางไปรษณีย์หรือยื่นด้วยตนเองที่ศูนย์บริการได้เลย

และในขั้นตอนที่ 3 ก็แค่รอผลและรับเงินเป็นเช็คหรือโอนผ่านบัญชีธนาคารนั่นเองค่ะ

กู้แล้วยังไงต่อ?: เฮลโหลเจ้าดอกเบี้ย

ใช่ว่าพอน้องกู้กรมธรรม์แล้วจะสามารถชิลลอยตัวได้เลยนะจ๊ะ อย่าลืมว่าการกู้เงินเกือบทุกประเภทบนโลกนี้ยังไงก็ต้องมีดอกเบี้ย ไม่ได้กู้กันฟรีๆ แล้วสรุปดอกเท่าไหร่อะ?

สำหรับดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์ บริษัทประกันชีวิตจะคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยอีกประมาณ 2% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยของแต่ละกรมธรรม์จะแตกต่างกันไปตามแต่ที่กำหนดไว้ในหน้าแรกของกรมธรรม์ประกันชีวิต  เช่น ถ้ากรมธรรม์ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยของการกู้เงินกรมธรรม์ก็จะเท่ากับ 7% ต่อปีนั่นเอง

การชำระเงินกู้กรมธรรม์

โดยเงื่อนไขในการจ่ายคืนจะเป็นยังไง ก็ให้น้องเช็คกับบริษัทตอนทำกู้ดูนะจ๊ะ เพราะบางบริษัทก็กำหนดให้ว่าถ้ามีเมื่อไหร่ก็ค่อยมาจ่าย (แต่ดอกเบี้ยก็รันไปเรื่อยๆเด้อออ) หรือบางบริษัทก็กำหนดให้ต้องจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาทก็ว่ากันไป แต่เงื่อนไขที่มีแน่ๆ ก็คือ น้องจะต้องชำระดอกและต้นเมื่อใดก็ได้หรือตามกำหนด ตราบที่กรมธรรม์ยังมีผลบังคับอยู่

เหมือนจะชิลเนอะ แต่พี่เตือนก่อนว่าควรกู้เฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น และรีบชำระคืนให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะถึงแม้การกู้กรมธรรม์จะไม่ได้กำหนดว่าจะต้องคืนเมื่อไหร่เป็นที่แน่ชัด แต่อย่าลืมว่าดอกเบี้ยก็วิ่งอยู่ทุกวันนะ ยิ่งเราคืนช้า ก็ยิ่งต้องจ่ายดอกเยอะวนไป

และเงื่อนไขอีกข้อที่ต้องไม่ลืมก็คือ ถ้าเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายมีจำนวนมากกว่าเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ที่มีอยู่ แล้วเรายังไม่ได้จ่ายคืนหนี้ จะทำให้กรมธรรม์นั้นปิดจบ (สิ้นผลบังคับ) ก่อนวันครบกำหนดได้นะจ๊ะ นั่นหมายถึงเบี้ยประกันใดๆที่เราเคยจ่ายไปคือสูญหมด เผลอๆอาจจะไม่คุ้มเสียนะ

นอกจากนั้น ในช่วงที่เราเป็นหนี้ประกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ตอนเคลมประกันเพื่อปิดกรมธรรม์ก็จะไม่ได้ทุนประกันคืนเต็มๆ เพราะเค้าก็จะหักหนี้ทั้งหมดก่อน แล้วค่อยจ่ายที่เหลือด้วยนะ ฉะนั้น ถ้าจะกู้จริงๆ กู้แล้วรีบจ่ายคืนให้ไวจะดีที่สุดจ้า

ดังนั้นแล้ว พี่เรนนี่แนะนำว่าให้ใช้สิทธิกู้กรมธรรม์ของเรากันอย่างพอดี แล้วรีบชำระหนี้ให้เร็วที่สุดจะดีกว่านะจ๊ะ และในช่วงวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ ใครที่กำลังเดือดร้อนก็ยังพอมีหนทางสว่างจากประกันที่สามารถเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงในวันที่เราไม่คาดฝันได้อยู่ แถมมี feature ที่สามารถเป็น plan B ช่วยเหลือเราได้ยามจวนตัวได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว การทำประกันก็มีแต่ได้กับได้ ถ้าน้องรู้จักบริหารการเงินให้เป็น งั้นมาเริ่มค้นหาประกันตัวที่ใช่ของน้องๆไปกับพี่เรนนี่กันดีกว่านะจ๊ะ